การใช้ทั้ง "ไม้นวม" กับ "ไม้แข็ง" กับความเคลื่อนไหวของ กลุ่มเยาวชนปลดแอก ที่ประกาศตัวต่อต้าน ขับไล่รัฐบาล จนล่าสุดได้ขยายแนวร่วมออกไปอย่างกว้างขวาง จนล่าสุดเปลี่ยนชื่อมาเป็น "กลุ่มประชาชนปลดแอก" นั้น ดูจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับ รัฐบาล ไม่น้อย ! เมื่อ องค์ประกอบภายในม็อบกลุ่มนี้ แตกต่างไปจากม็อบสารพัดเสื้อสี อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มคนเสื้อแดง , ม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือม็อบเสื้อเหลือง จนมาปิดท้ายที่ "ม็อบหลากสี" หรือม็อบกปปส. ที่เคลื่อนไหว ชัตดาวน์กรุงเทพฯ ส่งผลกระทบอย่างหนัก แต่สำหรับม็อบประชาชนปลดแอก เลือกที่ใช้ "นักเรียน นักศึกษา" ขึ้นมาเป็น "ด่านหน้า" ใช้ความวัยเยาว์ เข้าปะทะและกดดันรัฐบาล ไปจนถึงการบุกไปประชิดถึงหน้าประตูกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้ "ณัฐฎพล ทีปสุวรรณ" รมว.ศึกษาฯ ซึ่งเคยเป็นแกนนำม็อบ กปปส.ออกมาพูดคุยและรับข้อเสนอจาก เด็กนักเรียนระดับมัธยม จนเกิดเป็นภาพ เจ้ากระทรวง ต้องใช้ความอดทนต่อกริยา และพฤติกรรม ของเด็กนักเรียน ที่ออกมาเคลื่อนไหว ทั้งการให้ปรับเปลี่ยนกฎระเบียบภายในโรงเรียนต่างๆ ขณะเดียวกัน ยังดูเหมือนว่า "ผู้ใหญ่" คือฝ่ายรัฐบาลกำลังเล่นบท "ใจดีใจกว้าง" เปิดรับฟังทุกความเห็นของเด็กนักเรียน พร้อมทั้งไม่มีการปิดกั้นหรือสั่งห้ามการแสดง ในสถานศึกษา ในห้วงที่หลายสถาบันการศึกษา ทั้งในกทม.และต่างจังหวัด ตั้งแต่ระดับมัธยมไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัย นัดหมายชุมนุมกันอย่างคึกคัก แต่ในอีกด้านหนึ่ง กลับน่าสนใจว่า ศบค.ชุดเล็กเตรียมเสนอให้ "ศบค.ชุดใหญ่" ไฟเขียว "ต่ออายุ" การประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 ออกไปอีก 1เดือน เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 โดยให้ความมั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชนทั่วไป ต่อมาในช่วงเย็นของวันที่ 19 ส.ค.เป็นต้นมา ปรากฎว่า "กฎหมาย" เริ่มทำงานเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทยอยเข้าจับกุม บรรดาแกนนำที่ไปร่วมการชุมนุม กับกลุ่มประชาชนปลดแอก ก่อนหน้านี้ ในลักษณะที่เรียกว่า ต่างวาระ แต่มีกรรมเดียวกัน คืออยู่ในฐานความผิด "มาตรา 116" ของกฎหมายอาญา ไม่ว่าจะเป็น อานนท์ นำภา , บารมี ชัยรัตน์อายุ ,สุวรรณนา ตาลเล็ก , กรกช แสงเย็นพันธ์ ตามมาด้วย เดชาธร บำรุงเมือง หรือ ฮอคกี้ นักร้องหนุ่มวง Rap Against Dictatorship (RAD) เจ้าของบทเพลง"แร็พประเทศกูมี" ที่เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มเยาวชนปลดแอก เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยรายนี้โดนไปทั้งสิ้น 7 ข้อหา แน่นอนว่าจากนี้ไปจะมีการทยอยเข้าดำเนินการตามหมายจับด้วยกันอีกหลายราย โดยมี ส.ส.จากพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคก้าวไกล ที่พากันนั่งไม่ติด เนื่องจากต้องรุดไปให้ความช่วยเหลือ ใช้ตำแหน่งส.ส.ประกันตัวเพื่อสู้คดี กันอย่างต่อเนื่อง ด้านหนึ่ง รัฐบาลเปิดทาง เปิดพื้นที่ให้กับ นักเรียนตามสถานศึกษาได้แสดงออก กันอย่างเต็มที่ โดยใช้ "ไม้อ่อน" เข้ารับมือ แต่อีกด้านหนึ่ง คือการใช้ "ไม้แข็ง" เพื่อตัดไฟ ไม่ให้การชุมนุมถูกยกระดับ จนทำให้ "ฝ่ายความมั่นคง" ทำงานได้ยากมากขึ้น และที่สำคัญยังจะกลายเป็นการลดแรงเสียดทาน ไปยังกองทัพและรัฐบาล เองที่จะไม่ต้องงัด "ยาแรง" ขึ้นมาใช้ การแยก "ปลา" ออกจาก "น้ำ"ใช้ความละมุน ละม่อม กับ กลุ่มนักเรียนที่เปราะบาง และใช้ความแข็งกร้าวกับ "หัวโจก" ด้วยข้อหาปลุกปั่น ยุยงทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย คือทางเลือกหนึ่งในอีกหลายทาง ที่จะทยอยออกมาใช้อีกไม่นาน !