มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นในประเทสฟิลิปปินส์ คือจู่ ๆ ก็มีทหารสหรัฐอเมริกาเข้าไปปราบกบฏในแถบเกาะมินดาเนา แต่ประธานาธิบดีฟิลิปปินสืต้องออกมาบอกว่า มิด้รับรู้เรื่องนี้มาก่อน นั่นก็คือ สหรับอเมริกาถือวิสาสะ ส่งกองทหารเข้าไปโดยเจ้าของประเทศเขาไม่รู้ ซึ่งมันไม่แปลก เป้นที่สหรัฐชอบทำอยุ่เสมอ ๆ
เดือนก่อนก้ถุกประธานาธิดีเกาหลีใต้คนใหม่ท้วง เพราะว่ากองทหารอเมริกันติดตั้งหน่วยป้องกันขีปนาวุธหลายจุดเกินกว่าที่ได้ทำสัญญาตกลงกันไว้ แถวเกาะมินดาเนานั้นมีฐานทัพสหรัฐอยู่แล้ว ท่านจึงนึกว่าส่งกองทหารเข้าไปไล่ยิงกบฏมุสลืมได้ดดยไม่ต้องแจ้งเจ้าของประเทศเขานั่นเพราะประเทศเขาใหญ่ เขาเหมือนศูนย์กลางโลก ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองนั้น สหรัฐอเมริกาถือนโยบายโดดเดี่ยว คือข้าจะอยู่ข้าคนเดียวก็ได้ ไม่อยากยื่นมือไปยุ่งเกี่ยวกับประเทศอื่น ๆ แต่พอชนะสงครามโลกครั้งที่สอง สหรัฐอเมริกากระโจนเข้ารับบทบาท “เจ้าโลก”เป็นตำรวจโลกกองทัพโลก ไปวุ่นวายกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ซึ่งก็ส่งผลในด้านดีบ้างแต่ในด้านร้ายนั้นออกจะมากกว่า ดังที่เกิดนวนิยายโด่งดังมากเรื่อง “อั๊กลี่อเมริกัน”
แล้วสร้างเป็นภาพยนตร์ พระเอกมาร์ลอน แบรนโด แสดงคู่กับ ม.ร.ว คึกฤทธิ์ ปราโมช เมื่อหลายสิบปีก่อนนี้ คาร์ลอส พี. โรมูโล นักการทูตผู้มีชื่อเสียงของฟิลปปินส์ และเคนเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยิลิปปินส์ วิพากย์อเมริกาไว้ว่า (มีนาคม พ.ศ ๒๕๐๖)
“ภาพของคนอเมริกันที่น่าเกลียด หรือที่เรียกว่าอั๊กลี่อเมริกัน ไม่ใช่มีอยู่เฉพาะในเรื่องนวนิยายเท่านั้นเสียแล้ว บัดนี้ได้ปรากฏรูปร่างเป็นตัวจริงขึ้น
คนอเมริกันที่มาอยู่ในเอเชียนั้น ได้ทำให้มีเรื่องหมั่นไส้ ทำให้มีเรื่องไม่พอใจกันเป็นอย่างมากในเอเชีย ซึ่งมีผลทำให้เกิดเรื่องไม่ดีต่าง ๆ ตลอดจนถึงกับทกให้เกิดความรู้สึกเป็นศัตรูต่อประเทศสหรัฐอเมริกาขึ้นในเอเชียทีเดียว”
สำหรับประเทศไทยนั้น การที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเคยประกาศว่า ไม่รับ...โร้ดแมป ของคณะผู้ปกครองประเทศไทยนั้น เท่ากับดูถูกเหยียดหยามประเทศไทย
น่าเห็นใจอเมริกันชนที่ถูกข้อหาว่า “น่ารังเกียจ” UGLY นี่เป้นเรื่องนโยบายของชนชั้นปกครองสหรัฐอเมริกาทำร้ายพลเมืองของตนเองประชาชนอเมริกันมิได้ UGLY แต่ที่ถูกคนส่วนหนึ่งในขอบเขตทั่วโลกเขาบอกว่า UGLY นั้นคือ ชนชั้นปกครอง ,กลไกมือตีนของพวกเขา และนโยบายของพวกเขาสำหรับประชาชนนั้นเป็นมิตรเป็นพี่น้องกันทั้งโลก ยิ่งตอนนี้ยิ่งน่าเห็นใจคนอเมริกันที่ถูกประธานานาธิบดีของตนเองทำลายภาพลักษณ์จนแม้มิตรใกล้ชิดอย่ายุโรปเอง ก็จะเริ่ม UGLY ขึ้นทุกทีแล้ว