เวทีสมัชชาประชาชน (สปป.)ที่มีมหาวิทยาลัยรังสิตเป็นศูนย์ประสานงานและมี ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ เป็นประธาน สปป. นับเป็นตัวแทนภาคประชาชนกลุ่มสำคัญกลุ่มหนึ่ง ที่มีผู้รู้ ผู้ทำงานผู้ปฏิบัติภาคประชาชนจริงจำนวนมากเข้าร่วม เสียงสะท้อนจาก สปป. จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลพึงรับฟังอย่างยิ่ง เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่ผ่านมา ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ เปิดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ(ป+ป)ปฏิรูปประเทศไทย “เดินหน้าปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ครั้งที่ 1 มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้ “ประเทศไทยช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ต้องเผชิญภัยคุกคามภายในและภายนอกประเทศ ประชาชนเผชิญชีวิตลำบาก เกิดจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ที่ขยายวงออกไปทุกภาคส่วนของสังคม ส่งผลกระทบความเชื่อมั่นของรัฐบาล ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเศรษฐกิจตกต่ำ ค่าครองชีพสูง มีอาชญากรรม โกงกิน ทุจริต คอรัปชั่นทุกวงการ ผู้คนในสังคมขาดคุณธรรมจริยธรรม เกิดการทุจริตที่ฝังลึกของระบอบการเมืองและระบบราชการ เกิดความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรม ระบบเศรษฐกิจถูกผูกขาดจากกลุ่มทุนขนาดใหญ่และทุนต่างชาติ มีการรับสัมปทานผูกขาดจากรัฐ ช่องว่างรายได้ มาตรฐานชีวิตการเป็นอยู่สังคม โครงสร้างภาษีที่ไม่เป็นธรรม เป็นสาเหตุหนึ่งของการทุจริต ระบบการเมืองที่ล้มเหลว การเลือกตั้งแปรสภาพเป็นการประมูลประเทศ ซื้อสิทธิ์ขายเสียงจนการเป็นประเพณี การเมืองกลายเป็นธุรกิจ กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ขาดความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม เลือกปฏิบัติ เวทีนี้เปิดให้กับกลุ่มทุกกลุ่มที่เห็นต่างกับบ้านเมือง ตนเชื่อว่าถ้าทุกฝ่ายได้มีโอกาสแสดงความเห็นเพื่อหาทางออกให้กับประเทศไทยนั้น เราก็จะได้ฉันทามติโดยไม่ต้องทำประชามติ ทำให้เกิดสังคมธรรมาธิปไตย ที่จะนำไปสู่สังคมประชาธิปไตยขั้นสูงสุด ที่ประกอบด้วย 3 มิติ คือ 1.เป้าหมายที่เน้นประโยชน์สุขของประชาชน 2.รูปแบบและวิธีการการได้มาซึ่งตัวแทนของประชาชน ระบอบประชาธิปไตย ที่จะยึดโยงการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งการเลือกตั้งไม่ใช่ทั้งหมดเพื่อให้ได้คนที่ดีเข้ามา แต่รูปแบบอื่นที่ทำให้ได้คนดีเท่ามา อาทิ การสรรหา การแต่งตั้ง ก็ควรจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนด้วย 3. การสร้างมโนสำนึก คือสำนึกที่จะทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ”                 ขณะนี้ แม้ร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านประชามติแล้ว แต่สถานการณ์ด้านความมั่นคงก็ยังไม่กลับคืนสู่ภาวะปกติ นี่เป็นเรื่องแรกที่เราห่วงกังวล เรื่องที่สองคือการเขียนกฎหมายลูก เราห่วงว่าจะเขียนให้เสร็จแค่เพียงกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส่วนกฎหมายรองรับการปฏิรูปด้านอื่น ๆ ตามรัฐธรรมนูญนั้นอาจถูกเตะถ่วงไว้จนไม่ได้ออก เรื่องที่สามอันเป็นเรื่องสำคัญที่สุดคือการสร้างมโนสำนึก สำนึกที่จะทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติในสังคมไทยนั้น...ยากมาก ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ กล่าวได้น่าประทับใจว่า “ถ้าคนไทยยังเดินไม่ถูกทาง คนไทยก็จะยังไม่สามารถจะพัฒนาเทียบเท่าประเทศอื่นได้ ผมคิดว่าเราต้องจริงจังกับประเทศไทย ต้องปฏิรูปประเทศไทยก่อนเลือกตั้งทันที โดยสมัชชาฯจะเดินหน้าผลักดันการปฏิรูปอย่างต่อเนื่องเพื่อประชาชนทุกคนอย่างแท้จริง”