มีผู้เห็นใจความทุกข์ยากของมนุษยชาติที่เกิดจากปัญหาในสังคมมาช้านานแล้ว แนวความคิดที่จะแก้ไขบรรเทาปัญหาทุกข์ยากนั้น ก็มีผู้สร้างสรรค์กันมานานแล้ว “ระบบคิด” ของมนุษย์นั้นพัฒนาขึ้นตามรูปธรรมของเงื่อนไขปัจจัยการดำรงเลี้ยงชีวิต ในยุคที่มนุษย์เลี้ยงชีวิตด้วยการล่าและเก็บ “ระบบคิด” ก็เป็นอย่างหนึ่ง ในยุคที่มนุษย์รู้จักทำกสิกรรม-เลี้ยงสัตว์แบบใช้แรงงานเข้มข้น-ชีวิตรวมหมู่ “ระบบคิด” ก็เป็นอย่างหนึ่ง ในยุคที่เทคโนโลยีการกสิ กรรมพัฒนาขึ้นจนสามารถเลี้ยงชีพแบบครัวเรือนปัจเจกได้ “ระบบคิด” ก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง สังคมพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงมีการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรปเกิดเศรษฐกิจทุนนิยมขึ้น “ระบบคิด” ก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ถึงวันนี้เราบอกว่าโลกอยู่ในขั้นอุตสาหกรรม 4.0 การก้าวกระโดดทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีกำลังสร้างเรื่องและสิ่งที่เหลือเชื่อสำหรับคนในศตวรรษก่อน ใครจะรู้ว่า “ระบบคิด” ของมนุษย์ศตวรรษหน้าจะเป็นเช่นไร ? เราฟันธงมิได้ดอก อาจทำได้แค่พยากรณ์จากพื้นฐานความเป็นจริงในขณะนี้ วิเคราะห์คาดการณ์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ พยากรณ์อย่างกว้าง ๆ ได้เท่านั้น กระบวนทัศน์ของมนุษย์สามกระบวนทัศน์ใหญ่ ๆ นั้นสรุปได้ว่าคือ ๑.กระบวนทัศน์ที่สร้างโลกทัศน์-ชีวทัศน์ ให้ปัจเจกชนหมกมุ่นอยู่กับประโยชน์ส่วนตน ขาดความเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ ไม่รับผิดชอบต่อการรักษาสมดุลทางธรรมชาติ ๒.กระบวนทัศน์ที่สร้างโลกทัศน์-ชีวทัศน์ ให้ปัจเจกชนมีจิตสำนึกต่อประโยชน์ส่วนรวมร่วมกัน มีจิตสำนึกรับผิดชอบงานทางสังคม (เช่นเศรษฐกิจ , การเมือง ร่วมกัน) มีความเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ รับผิดชอบต่อการรักษาสมดุลทางธรรมชาติ ๓.กระบวนทัศน์ทางสายกลางที่ไม่อาจต้านทานกระบวนทัศน์แบบที่หนึ่ง แต่ก็มีบทบาทพยายามลดทอนข้อเสียของกระบวนทัศน์ที่หนึ่ง นั่นคือองค์กรทางศาสนาต่าง ๆ ทั่วโลก ในทางเป็นจริงนั้นทั้งสามกระบวนทัศน์มีความซึมซ่านเข้าผสมกัน มนุษย์แต่ละคนล้วนมีกระบวนทัศน์ทั้งสามอยู่ในจิตใจ (เกิดจากการภาวะแวดล้อมของพวกเขา)ในระดับที่ต่าง ๆ กันไป กระบวนทัศน์ที่ ๒ นั้นดูงดงาม และนักอุดมคติก็พยายามต่อสู้เพื่อขยายแนวคิดนี้โดยมีทฤษฎีชี้นำต่าง ๆ กันไปในหลายร้อยปีมานี้แต่ก็สามารถแก้ไขปรับปรุงสังคมโลกได้บ้างเท่านั้น โลกความเป็นจริงยังห่างไกลจากโลกในอุดมคตินัก เคยมีความหวังกันว่า ระบอบปกครองประชาธิปไตยที่รองรับเศรษฐกิจทุนนิยม น่าจะพัฒนาโลกให้เข้าใกล้โลกในอุดมคติได้ แต่ประชาธิปไตยหลายร้อยปีที่ผ่านมา ก็ทำท่าว่าจะช่วยอะไรมนุษยชาติไม่ได้ แนวคิดปรัชญาโพสต์โมเดิร์นที่เติบโตมาจากสังคมทุนนิยม ส่งเสริมอิสระ-อิสรภาพของปัจเจกชน ระบบเก่า ๆ สถาบันทางสังคมดั้งเดิมเชื่อถือไม่ได้อีกต่อไป ใช้ไม่ได้อีกต่อไป จำเป็นต้องรื้อทำลายลง การรื้อทำลายสถาบันดั้งเดิมนั้นไม่ยากหรอก แต่แล้วจะสร้างอะไรใหม่ที่ดีต่อมนุษยชาติอย่างแท้จริงเล่า ? นี่เป็นปัญหาที่มนุษยชาติเผชิญมาหลายทศวรรษแล้ว ยิ่งเมื่อมีการปฏิวัติเทคโนโลยีไซเบอร์ “ปัจเจกนิยมสุดขั้ว” กำลังแพร่ระบาดอย่างร้ายแรง มันทำลายมาตรฐานของทุกสิ่งทุกอย่างความดีความเลวตัดสินที่ปัจเจกชน ตัวอย่างรูปธรรมคือ เราต้องผจญกับความพยายามหาคำอธิบายกรณีกระแสตื่น “เปรี้ยวหั่นศพ” แล้วก็ไม่มีคำตอบท่าเป็นข้อยุติได้ “กระบวนทัศน์ของมนุษย์” ทั้งสามที่กล่าวข้างต้นยังคงอยู่ แต่มนุษย์จะเลือกเชื่อเลือกปฏิบัติตามแนวคิดใดแนวคิดหนึ่ง โดยไม่กังวลกับแนวคิดของบุคคลอื่น จะไม่มีมาตรฐานความดี-ความเลวอีกต่อไป