แม้จะไม่มีคำสั่งล็อกดาวน์ ปิดเมืองออกมา แต่ก็เหมือนล็อกดาวน์ หลังเหตุการณ์ทหารต่างชาติติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้วเดินทางเข้ามาที่จังหวัดระยอง ซึ่งได้มีการไปพักในโรงแรมและเดินเที่ยวห้างสรรพสินค้า จนสร้างความหวั่นวิตกให้กับประชาชน ทำให้เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในจังหวัดระยองได้รับความเสียหาย จากการยกเลิกห้องพักโรงแรม การยกเลิกทัวร์ภายในจ.ระยอง ปิดห้างสรรพสินค้า โรงแรม และโรงเรียน
ก็ต้องยอมรับว่า ธุรกิจท่องเที่ยวนั้นเกี่ยวพันไปถึงธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล เมื่อกำลังกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยแคมเปญชวนเที่ยวกันภายในประเทศ แต่มาเจอสถานการณ์เช่นนี้ ซึ่งผลกระทบทางจิตวิทยานี้ ยังส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในจังหวัดท่องเที่ยวอื่น
จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเปรียบเปรยว่าเหมือนถูกเครื่องบินชน โดยนายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงด้วยการลงพื้นที่จ.ระยองเป็นการด่วน
แน่นอนว่า พิษภัยจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ผู้ได้รับผลกระทบจะต้องได้รับการเยียวยา และช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน
รวมถึงกรณีของลูกสาวอุปทูตต่างชาติ ซึ่งติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้วเดินทางเข้ามาที่ประเทศไทย โดยไม่ได้รับการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ตามมาตรการของรัฐบาลด้วย
อย่างไรก็ดี มาตรการในการคัดกรองและเฝ้าระวังต่างๆ ในความเห็นของ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า...
“วันนี้ไทยเรา...มีเลขคี่กลางๆ...
เป็นคนไทยที่กลับมาจากต่างประเทศ
ทั้งอเมริกา ตะวันออกกลาง และจากประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงในเอเชียเรา
หลายคนมีอาการ...ขอให้ทุกคนปลอดภัย หายไวไวนะครับ
อย่างน้อย 2 คนที่มาจากตะวันออกกลางนั้น ตรวจครั้งแรกระหว่างได้รับการกักตัววันที่ 4 ผลไม่พบเชื้อ แต่มาตรวจครั้งที่สองในวันที่ 11 จึงพบว่าติดเชื้อ...แสดงให้เห็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีระบบการกักตัว 14 วัน...ไม่มีข้อยกเว้น เพื่อให้เราสามารถลดโอกาสการระบาดของโรค COVID-19 ซ้ำในประเทศไทย
คัดกรอง...ต้องได้มาตรฐาน และตรวจซ้ำระหว่างกักตัว 14 วัน
กักตัว...ไม่ต้องทำหลายแบบ เอาแค่ state quarantine, alternative state quarantine และ hospital quarantine ก็พอ แต่ต้องแน่ใจว่ากักตัวเคร่งครัด มีวินัย ได้มาตรฐาน ไม่โบกแท็กซี่หนีไปเที่ยว
ติดตาม...ระบบนี้ยังย่อหย่อนมาก จำเป็นต้องขันน็อตให้แน่น ทำอย่างไรจะรู้ได้เสมอว่าใครไปที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร นี่คือการบ้านหลักที่รัฐต้องหาคำตอบให้ได้
แง้มประตูประเทศตั้งแต่ต้นกรกฎาคม ความเสี่ยงสูงขึ้นมาก ควรหยุดแง้มไว้ที่ 11 กลุ่มเป้าหมาย
วางฟองสบู่ท่องเที่ยวไว้บนหิ้งไปอีกอย่างน้อย 6 เดือนครับ”
จะเห็นได้ว่า บทเรียนที่จ.ระยอง รูรั่วเพียง 1 เดียว ส่งผลให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง แต่หากทุกภาคส่วนหยุดกิจกรรมกันหมด ประเทศก็จะเป็นอัมพาต ฉะนั้นต้องเร่งเยียวยา ฟื้นฟู และเรียกความเชื่อมั่นกลับมาโดยด่วน