เมื่อความเคลื่อนไหวทางการเมือง เริ่มเปลี่ยนทิศ ปรับโหมด จากที่ปมประเด็นร้อนการปรับครม. เริ่มซาลง ภายหลังจากที่ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังไม่ยอม "ส่งสัญญาณ" ว่าจะปรับครม. เมื่อไหร่
ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย สองพรรคหลัก ในพรรคร่วมรัฐบาลจึงกลับมาอยู่ในความสงบ หลังจากที่ประเมินแล้วว่า "ข้อเสนอ" ที่เคยยื่นไปถึงนายกฯประยุทธ์ ก่อนหน้านี้ว่า จะไม่ขอคืนกระทรวงในโควต้าของพรรคคืนกลับไป แล้วไปเกลี่ยคืนให้กับพรรคพลังประชารัฐ
อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้เมื่อมีการโหมโรงเรื่องการปรับครม.ก็มีข่าวแว่วว่า พรรคภูมิใจไทย อาจจะขอเพิ่มเก้าอี้รัฐมนตรี เนื่องจากมีส.ส.เพิ่ม เพราะส.ส.จากพรรคอนาคตใหม่ ได้พากันย้ายมาซบพรรคจำนวนไม่น้อย
เมื่อพรรคภูมิใจไทย ขยับ พรรคร่วมรัฐบาล พรรคอื่นๆก็เริ่มส่งสัญญาณ จะขอปรับเปลี่ยนที่นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ในครม.บ้าง ! อย่างไรก็ดี เมื่อเกิดความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ระอุ เข้มข้นในแนวรบอื่น กระแสการปรับครม.ก็เริ่มแผ่วลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องคำนึงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่ "กลุ่มสี่กุมาร" ภายใต้การดูแลของ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกรัฐมนตรี ถูกรุกไล่อย่างหนัก จนต้องเสียเก้าอี้หลักในพรรค และส่อแววว่าอาจจะต้องลุกจากเก้าอี้รัฐมนตรี ตามมาอีกช็อต
ดังนั้น ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่เบรคเกมปรับครม. จะยิ่งกลายเป็นการสุมไฟให้เกิด "ศึกใน" พรรคพลังประชารัฐ ผสมปนเปไปกับปัญหาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งอาจไม่ใช่แค่ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย
กว่าที่พล.อ.ประยุทธ์ จะเริ่มเปิดเกมรุกปรับครม. รอบใหม่นั้น มีความเป็นไปได้ว่าต้องรอให้ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร ในวาระ 2-3ให้เรียบร้อยก่อน จนแน่ใจว่าทุกอย่างจะเดินหน้าได้ต่อไปโดยไม่มีปัญหา เรื่องการบริหารจัดการตามมา
และนั่นย่อมหมายความว่า กว่าที่ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ 2564 จะผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ จะต้องใช้เวลายาวไปจนถึงเดือนก.ย.ในห้วงระยะนี้ มีโอกาสที่สถานการณ์ทางการเมืองจะพลิกผัน เปิดทางให้นายกฯ เป็นฝ่าย "กุมความได้เปรียบ" กำหนดเกมการเล่น มากกว่าที่กำลังเป็นอยู่ !
เพราะอย่างน้อยที่สุด การตัดสินใจปรับครม. ในฐานะผู้นำรัฐบาลจากนี้ต้องเป็นการปรับเพื่อดึงกระแสความนิยมกลับ คืนมา ไปพร้อมๆกับการแก้ไขปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด อย่างรุนแรง
ดังนั้นทุกการตัดสินใจเพื่อปรับครม. ของพล.อ.ประยุทธ์ ในรอบหน้าจึงต้องดำเนินไปบนความมั่นใจว่าจะต้องเป็นการรบที่มีแต่ชัยชนะ เหมือนกับที่เพิ่งยืนระยะสู้กับไวรัสโควิด จนได้รับเสียงชื่นชมดังทั่วสารทิศ !