มีข้อมูลที่น่าสนใจ จากการท่องเที่ยวฮ่องกงที่จัดงานประชุมออนไลน์ ในหัวข้อ Beyond COVID-19: Global Tourism’s New Normal พูดคุยเกี่ยวกับแนวโน้มการท่องเที่ยวของฮ่องกง จีนแผ่นดินใหญ่ ภูมิภาคเอเชีย และทั่วโลก ในยุคหลังสถานการณ์โควิด-19 การประชุมครั้งนี้ มีบรรดาผู้นำคนสำคัญในแวดวงการท่องเที่ยวโลก มาให้ความเห็นถึงผลกระทบของสถานการณ์ดังกล่าว รวมถึงวิธีการรับมือที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะนำไปเป็นแนวทาง และแนวโน้มเทรนด์การท่องเที่ยวใหม่ ๆ ของนักท่องเที่ยวที่จะกลับมาเดินทางได้อีกครั้งหลังหลังโควิด-19 สงบลง อาทิ นายปีเตอร์ ซี โบเรอร์ กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ Hong Kong and Shanghai Hotels Ltd กล่าวต่อว่า อุตสาหกรรมงานบริการจะเดินหน้าขับเคลื่อนสู่ยุค New Normal โดยมีการดำเนินมาตรการดูแลด้านความปลอดภัยและสุขภาพอย่างเคร่งครัด ซึ่งเวลานี้อุตสาหกรรมโรงแรมได้เริ่มเดินหน้าสู่ยุคดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ และหุ่นยนต์ และในวิกฤติโรคระบาดครั้งนี้ยิ่งทำให้เทรนด์เทคโนโลยีดังกล่าวสำคัญยิ่งขึ้น โดยการตลาดระยะสั้นจะต้องสร้างความเชื่อมั่นและความเชื่อใจของแขกที่มาเข้าพักมั่นใจถึงความปลอดภัย แต่สำหรับระยะยาว ปัจจัยพื้นฐานของงานบริการจะต้องได้รับการบริการชั้นเยี่ยมด้วยความประทับใจในแต่ละท่านโดยเฉพาะ ขณะที่นางสาวกลอเรีย เกวารา ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร World Travel & Tourism Council (WTTC) กล่าวว่า เครื่องหมายรับรอง Safe Travels ที่ WTTC เพิ่งประกาศออกไปนั้นจะช่วยให้นักท่องเที่ยวมั่นใจได้ว่าธุรกิจและเมืองต่าง ๆ ทั่วโลกที่ดำเนินการตามข้อกำหนดสากลของ WTCC จะช่วยทำให้เกิดการเดินทางที่ปลอดภัยขึ้นทั่วโลกอีกครั้ง และน่าจะช่วยสนับสนุนให้อุตสาหกรรมการเดินทางและท่องเที่ยวกลับมาเปิดทำการได้บนแนวทางความร่วมมือเดียวกัน ส่วนนายสตีฟ แซกซอน พาร์ทเนอร์จาก McKinsey & Company ระบุว่า แม้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะสูญเสียรายได้รวมจากการท่องเที่ยวไปประมาณ 9 แสนล้าน – 1.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แต่การท่องเที่ยวทั่วโลกอาจจะกลับมาเติบโตในระดับก่อนหน้าช่วงโควิด-19 ในปี 2565 อีกครั้ง สำหรับประเทศไทย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)ดำเนินการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว หลังจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มีระยะเวลาทำโครงการ 4 เดือน ตั้งแต่ 1 กรกฏาคม -31 ตุลาคม2563 ภายใต้โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” โดยเป็นการรวมโครงการ “เราไปเที่ยวกัน” และ “เที่ยวปันสุข” ให้อยู่ในโครงการเดียว มี 3 รายการย่อย คือ รัฐสนับสนุนค่าใช้จ่ายโรงแรมที่พัก40% ของราคาที่พักต่อห้องต่อคืน ทั้งนี้ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อห้องต่อคืน และสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน 2 ล้านใบ โดยผู้จองที่พักมีสิทธิ์ได้รับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารในลักษณะการจ่ายเงินคืนผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง 40% แต่ไม่เกิน 1,000 บาทต่อที่นั่ง และจองที่พัก 1 ห้องจะได้รับสิทธิ์บัตรโดยสารไม่เกิน 2 ใบ ส่วนรถเช่าและรถโดยสารไม่ประจำทางยกเลิกการสนับสนุนเนื่องจากตรวจสอบการเดินทางข้ามจังหวัดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม มีคำถามเกิดขึ้นตามมาว่า ในขณะที่ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาการว่างงาน ที่ธนาคารโลกประเมินไว้กว่า 8.3 ล้านคน เกิดปัญหาการขาดสภาพคล่องอย่างหนัก ไม่มีแม้แต่ทรัพย์สินจะเข้าโรงรับจำนำ และหากเงินจ้างเที่ยวหมดไปแล้ว เราจะอยู่กันอย่างไร? แม้จะมีความหวังว่าการท่องเที่ยวโลกจะกลับมาฟื้นอีกครั้งในอีก 2 ปีข้างหน้า ระหว่างนี้เราควรมองหาผู้ช่วยพระเอก หรือพระเอกคนใหม่ที่จะมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจแทนการท่องเที่ยว ตามวิถี New Nomal ซึ่งคาดหวังว่ารัฐบาลจะเป็นผู้ผลักดันให้เกิดเศรษฐกิจแนวใหม่ที่มีศักยภาพ และเมื่อการท่องเที่ยวฟื้นคืนกลับมาแล้ว จะเติมเต็มการพัฒนาเศรษฐกิจให้รุ่งเรืองวัฒนาถาวร