และแล้วที่ประชุม "ศบค.ชุดเล็ก" ที่มี "พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา" เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 เปิดเผยภายหลังการประชุมเพื่อประเมินความเหมาะสมในการขยายเวลาประกาศพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 ที่จะหมดอายุในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ว่าที่ประชุมมติให้ "ต่ออายุ" พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน ถึงเดือน ก.ค.นี้
แน่นอนว่า มติจากที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก จะถูกเสนอให้ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ พิจารณาอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 29 ก.ค.นี้ นอกจากนี้ยังจะมีการพิจารณา การผ่อนคลายกิจกรรม กิจการในระยที่ 5 ที่จะเริ่มในวันที่ 1 ก.ค.ซึ่งอาจเป็นการผ่อนคลายทั้งหมด
ทิศทางการตรึง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้เคยถูกคาดการณ์มาก่อนหน้านี้แล้วว่า ที่สุดแล้วรัฐบาล จะเลือกใช้หนทางนี้เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง เพื่อล็อคไม่ให้เกิด "คลื่นแทรก" จนทำให้ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีต้องเสียสมาธิในการทำงาน
เพราะลำพังความวุ่นวาย จาก "การเมือง" ที่เปิดเกมแย่งชิงตำแหน่ง ต่อรองอำนาจกันเองในแต่ละพรรคการเมือง โดยเฉพาะ "พรรคร่วมรัฐบาล" ก็ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ปวดหัวไม่น้อย
ยิ่งการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองภาคประชาชน ที่อาศัยห้วงเวลาออกมาโลดแล่นในวาระรำลึกวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิ.ย.2475 จัดกิจกรรมชุมนุมทางการเมือง ที่หมิ่นเหม่ จนนายกฯและรัฐมนตรีหลายต่อหลายคน รวมไปถึง "ฝ่ายความมั่นคง" ต้องมาเบรค ว่าอย่าละเมิดหรือก้าวล่วงสถาบัน
แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าว ฝ่ายความมั่นคงต้อง หาทางรับมือไม่ให้กลุ่มที่ออกมาขยับ ตามท้องถนน สามารถ "ขยายเกม" ให้ยืดเยื้อและกระจายออกไปตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะการปลุกกระแสที่สุ่มเสี่ยงต่อการสร้างความขัดแย้ง
เพราะหากฝ่ายความมั่นคง ใช้ยาแรงใช้ความรุนแรงเข้าควบคุม จะยิ่งกลายเป็นการ "เปิดหน้า" ให้กลุ่มการเมืองภาคประชาชน ใช้เป็น "เงื่อนไข" ตอบโต้กลับ จนอาจทำให้รัฐบาล ตกเป็น "จำเลย" ในสังคมขึ้นมาแทน
ฝ่ายที่รับบทหนักในเวลานี้ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) หรือแม้แต่ "กองทัพ" เองที่พยายามหลีกเลี่ยง ไม่ออกมาปะทะด้วยตัวเอง ต้องเลือกใช้วิธีการเล่นที่ได้ผล เกิดความเสียหายต่อรัฐบาลและตัวนายกฯให้น้อยที่สุด
การเลือกทางต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก1เดือน อาจไม่ใช่แค่เพียงรับมือกับความวุ่นวายทางการเมืองนอกสภาฯเท่านั้น แต่ยังต้องไม่ลืมว่า การคลายล็อก เฟสที่ 5 ที่หลายคนกำลังรอลุ้นนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นกิจกรรมและกิจกรรมที่เต็มไปด้วยความสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีโอาสกลับมาระบาดใหม่ รุนแรงกว่าเดิม
ซึ่งหากพล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถ "เอาอยู่" ชนะโควิด ได้เหมือน "ยกแรก" ที่ผ่านมา สถานการณ์ของรัฐบาล จะยิ่งเข้าสู่ภาวะล่อแหลม สุ่มเสี่ยงที่สุด !