ท่ามกลางกระแสกดดันต่อการคงพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และกระแสเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่น ก็มีกระแสข่าวการเตรียมออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมือง และข่าวการจับมือกันระหว่างพรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทย
กระนั้น เมื่อพิจารณาความเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญจากฟากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 2 เรื่องด้วยกัน
หนึ่งคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศแนวทางการทำงานภาครัฐรูปแบบใหม่ ยุค New Nomal ผ่านทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ภายใต้โครงการ “รวมไทยสร้างชาติ” โดยจะปรับแผน วิธีการทำงาน และการประเมินผลงาน โดยเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน โดยต้องการให้ประเทศไทยเป็นตัวอย่างการบริหารที่ดี ในเรื่องการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ เหมือนกับที่เป็นตัวอย่างที่ดีที่ทั่วโลกยอมรับ ในเรื่องการจัดการด้านสาธารณสุขได้เป็นอย่างดี โดยประเทศไทยมีความแข็งแกร่งที่เป็นสุดยอด ไม่แพ้ประเทศใดในโลก อยู่ 2 เรื่อง 1.ร่วมมือกันอย่างเป็นหนึ่งเดียว ทำงานด้วยกัน และช่วยเหลือกันในยามวิกฤต 2.ประเทศไทย มีคนเก่งที่มีความสามารถอยู่เยอะมาก และ อยู่ในทุกระดับของสังคม เป็นคนที่มีความคิดดีๆ มีพละกำลัง และมีความพร้อมใจ ต้องการที่จะ ช่วยประเทศชาติ โดยไม่มีข้อแม้
“รัฐบาลจะต้องทำงาน โดยดึงทุกภาคส่วน และทุกระดับในสังคม เส้นทางดังกล่าวไม่ใกล้แต่ไม่ไกลจนเกินไปและต้องร่วมมือกัน ดังนั้นจะต้องหยุดการบิดเบือนข้อเท็จจริงและหยุดการเมืองไม่สร้างสรรค์ด้วย เพราะการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์จะมาดึงรั้งการพัฒนาประเทศ”
อีกหนึ่งคือ การฟื้นคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง(ป.ย.ป.) โดยจัดประชุมเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา โดยในการประชุมได้มีการเสนอผลงานที่สำคัญของป.ย.ป.ที่ผ่านมา ทั้งการปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ การลดความเหลื่อมล้ำ การบูรณาการ ข้อสารสนเทศสำหรับผู้พิการ การป้องกันปัญหากลุ่มควันนำร่องที่จังหวัดเชียงใหม่ และปฏิรูประบบร้องเรียน ร้องทุกข์ของประเทศ นอกจากนี้ ที่ประชุมมีการทบทวนคณะกรรมการทำงานต่างๆเพื่อขับเคลื่อน การปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการปรองดอง จำนวน 14 ชุด โดยที่ประชุมได้มีมติยกเลิกคณะกรรมการทั้งหมด ซึ่งโดยสภาพทางกฎหมายถือว่าคณะกรรมการต่างๆเหล่านี้สิ้นสุดลง เพราะเป็นการตั้งตามคำสั่งของนายกฯในรัฐบาลชุดก่อน ดังนั้นเมื่อมีการตั้งรัฐบาลชุดใหม่ สถานะทางกฎหมายจึงสิ้นสุดลง และที่ประชุมมีมติตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมา 1 ชุด คือคณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน เพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศในส่วนที่ต้องมีการปรับปรุงแก้ไข หรือตรากฎหมายในระยะเร่งด่วน
อย่างไรก็ตาม มีการปฏิเสธว่า ในที่ประชุมไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการนิรโทษกรรมแต่อย่างใด
แม้ทั้งสองเรื่องดูเหมือนจะเป็นคนละเรื่องกัน แต่กลับมีมิติแห่งความเชื่อมโยงกันทางการเมืองอย่างเห็นได้ชัด ในความพยายามของรัฐบาลที่จะเรียกศรัทธาของประชาชนกลับคืนมา
เราเห็นว่า แม้โครงการ “รวมไทยสร้างชาติ” จะมีมิติการเมือง ซ้อนทับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมทั้งการฟื้นคณะกรรมการ ปยป. ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีคลื่นใต้น้ำ แต่การที่รัฐบาลประกาศปรับวิธีการทำงานภาครัฐ โดยรับฟังเสียงจากทุกภาคส่วนนั้น ถือเป็นสัญญาประชาคม หากรัฐบาลสามารถขับเคลื่อนได้ตามที่ประกาศออกมา สอดรับไปกับวาระการปฏิรูปประเทศ ด้วยแล้ว ก็จะยังประโยชน์สูงสุดมาสู่ประเทศชาติและประชาชน