แสงไทย เค้าภูไทย การหลบหนีคดีขับรถชนคนตายของทายาทรุ่นที่ 2 ของเครื่องดื่มกระทิงแดง สร้างกระแสโกรธและ ชิงชังในสังคมไทยกับในหลายประเทศที่เครื่องดื่มนี้วางจำหน่ายถึงขนาดเลิกซื้อและทีมกีฬาหลายทีมประกาศถอนตัวไม่ร่วมแข่งขันในรายการที่กระทิงแดงเป็นสปอนเซอร์ค่าเสียหายครั้งนี้เบื้องต้นคาดว่าน่าจะกว่าพันล้านบาทและจะมากขึ้นเรื่อยๆตราบเท่าที่ยังไม่สามารถนำตัวนายวรยุทธ “บอส” อยู่วิทยา มาดำเนินคดีได้เครื่องดื่มกระทิงแดงนั้น ในตลาดต่างประเทศใช้ชื่อ Red Bull เมื่อสิ้นปี 2559 วางจำหน่ายถึง 120ประเทศ โดยตลาดใหญ่ที่สุดคือสหรัฐอเมริกาและยุโรป ครองยอดขายอันดับ 1 ในกลุ่มเครื่องดื่มพลังงานต่อเนื่องมากว่า 11ปี ทำให้นายเฉลียว อยู่วิทยา “โกเหลียว” ของนักข่าว (ถึงแก่กรรม ปี2555)ผู้ให้กำเนิดและนาย ดีทริช เมเตสซิตซ์ (Dietrich Mateschitz) อดีตเซลส์แมนขายยาสีฟันเบลนแด็กซ์ ชาวออสเตรีย ผู้นำกระทิงแดงออกสู่ตลาดโลกกลายเป็นมหาเศรษฐีโลกอันดับที่ 205 ในทำเนียบ 500 บุคคลร่ำรวยที่สุดในโลกของนิตยสารฟอร์บส์ ด้วยมูลค่าทรัพย์สินกว่า 5,387 ล้านดอลลาร์(กว่า 188,500 ล้านบาท)เฉลียว เข้าสู่ทำเนียบอัครมหาเศรษฐีโลกในปี 2548 ด้วยตำแหน่งลำดับที่ 292 และขยับตำแหน่งขึ้นมาทุกปีๆ เช่นเดียวกันกับอันดับมหาเศรษฐีไทย จากอันดับ 2 ในปีนั้น ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ใน 10 ปีถัดมาวันนี้ นายเฉลิม อยู่วิทยา รับมรดกดำเนินกิจการแทนบิดาซึ่งเป็นปู่ของนายวรยุทธ ซึ่งอยู่ในฐานะทายาทกระทิงแดงรุ่นที่ 2การหลบหนีคดีของนายวรยุทธที่บุคคลในครอบครัวของเขามีส่วนรู้เห็นก่อให้เกิดความรู้สึกร่วมในด้านความขุ่นเคืองและชิงชังเป็นกระแสวงกว้างทั้งในประเทศและนอกประเทศบทวิเคราะห์ข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งเปรียบเทียบการใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยหรูหราของบอสกับกรรมกรผู้ใช้แรงงานไทยที่เป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ของกระทิงแดงว่า เป็นการตักตวงความสุขจากหยาดเหงื่อแรงงานที่น่าอดสู พวกเขาชักชวนให้ลูกค้าเร็ดบุลเลิกดื่มเครื่องดื่มนี้และให้ผู้ที่ร่วมการแข่งขันกีฬาเอ็กซทรีมที่เร็ดบุลเป็นสปอนเซอร์ ถอนตัวหรืองดส่งทีมเข้าแข่ง เฉลียวเริ่มกิจการยาจากการเป็นเซลส์แมนขาย ออริโอมัยซิน ของบริษัทเอฟ.อี.ซิลลิค ต่อมาเป็นผู้นำเข้ายาจากต่างประเทศ และได้ตั้งโรงงานผสมยา เล็กๆที่ต่อมาขยับขยายเป็นบริษัท T.C.Mycin Co.ที่ขยายกิจการเป็นบริษัทพันล้านชื่อ T.C. Pharmaceuticals ณ อาคารเช่าของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์แถวเดียวกับ น.ส.พ.สยามรัฐ หลังโรงแรมรัตนโกสินทร์ ราชดำเนิน ช่วงที่ ดำเนินการทีซีมัยซิน มีเซลส์แมนชาวออสเตรียชื่อดีทริช เมเตสซิตซ์ เข้ามาทำตลาดยาสีฟันเยอรมันชื่อเบลนแด็กซ์ โดยติดต่อทำธุรกิจกับบริษัทจนมีความสนิทสนมกับเฉลียวมากตำนานเร็ดบุลเริ่มที่วันหนึ่เมื่อ 30 ปีก่อน เมื่อเมเตสซิตซ์เดินทางมาถึงไทยแล้วแวะเข้าสำนักงานกระทิงแดงทันทีเพราะเหตุที่ต้องนั่งเครื่องบินข้ามเส้นเวลาโลก จึงทำให้เกิดอาการง่วงกลางวันร่างกายอ่อนเพลียจัด จนเฉลียวสังเกตพบอาการเฉลียวให้พนักงานนำกระทิงแดงมาให้เมเตสซิตช์ดื่ม เพื่อแก้อาการเจ็ตแล็กและอ่อนเพลียผลจากการดื่มกระทิงแดง ร่างกายและสมองของเมเตสซิตช์ฟื้นตัวสดชื่น กระปรี้กระเปร่าอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ ด้วยสารบำรุงกำลังและคาเฟอีนบริสุทธ์ที่ออกฤทธิ์เร็วกว่าคาเฟอีนจากกาแฟผงชงสัญชาติญาณนักขายทำให้เมเตสซิตช์มองเห็นช่องทางทำเงินมหาศาลจากกระทิงแดง เขาทำสัญญากับเฉลียว ลงทุนร่วมกันผลิตและจำหน่ายกระทิงแดงในยุโรปด้วยการร่วมทุนก่อตั้งโรงงานกระทิงแดงที่ออสเตรียบ้านเกิดเมเตสซิตช์ ชื่อ Red Bull GmbH. โดยเฉลียวถือหุ้น 49% เมเตสซิตช์ถือ 49% อีก 2% ที่เหลือเป็นหุ้นของเฉลิมบิดาของบอสด้วยมันสมองนักขายอันปราดเปรื่อง เมแตสซิตซ์นำเร็ดบุลไปผูกติดกับกีฬาชั้นสูงอันเป็นกีฬาของเศรษฐี เช่นรถแข่งสูตร 1 กีฬาตื่นเต้นสุดขั้วหรือเอ็กซทรีมสปอร์ตส์เช่นเครื่องร่อนจากหน้าผา (The Flying Bulls) เป็นต้น รถเฟอรารี่คันที่บอสขับด้วยความเร็ว 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขณะที่ระดับแอลกอฮอล์ในกระแสโลหิต 64.8 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์(ผลพิสูจน์จาก ร.พ.สมิตเวช) ไปชน ตำรวจสน.ทองหล่อตาย ก็เป็นรถความเร็ว “extreme” กลุ่มนี้จากกระทิงแดงที่เป้าหมายตลาดอยู่ที่กลุ่มผู้ใช้แรงงานในประเทศไทยซึ่งเฉลียวให้คำจำกัดความว่า เครื่องดื่มบำรุงกำลัง (Energy Drink) ในขวดสี่เหลี่ยม เมเตสซิตซ์ นำไปปรับเป็นเครื่องดื่มกีฬา ( Sports Drink) กระป๋องสีฟ้าในยุโรปและอเมริกา สีทองกับสีแดงในเอเชีย ที่ตลาดต้อนรับอย่างกว้างขวางแผ่ขยายไปทั่วยุโรป ข้ามไปถึงสหรัฐอเมริกา เงินทองไหลมาเทมาเข้ากระเป๋าเมเตสซิตซ์และคู่ร่วมทุนไทย จนกลายเป็น 1 ใน 500 บุคคลผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก จากกรณีขับรถหรูชนคนตายและมีการช่วยเหลือปกป้องจากครอบครัวเช่นนี้ มีผู้นำไปเปรียบเทียบกับคำเปรียบเปรยของอำมาตย์เอกพระยาอุปกิตศิลปสารว่า ทำไมบุตรของท่านจึงไม่ดำเนินรอยตามท่าน ?พระยาอุปกิตศิลปสารตอบว่า พวกเขาเป็นลูกพระยา ต่างจากฉันที่เป็นลูกชาวนาเปรียบเทียบกับ “โกเหลียว”ลูกคนเลี้ยงเป็ด เข้ากรุงมาเป็นเซลส์แมนขายยากับหลานเจ้าสัวเฉลียวกระทิงแดงเรียนจบจากอังกฤษพระยาอุปกิตศิลปสารได้แต่งกลอนและใช้ถ้อยคำที่เป็นประโยคทองอันอมตะและยังทันสมัยจนแม้ค่อนศตวรรษผ่านมาว่า “พ่อแม่รังแกฉัน” “...ท่านเจ้าข้า! พ่อแม่รังแกฉัน               เขาใฝ่ฝันฟูมฟักฉันอักขู ฉันทำผิดคิดระยำกลับค้ำชู                    จะว่าผู้รักลูกถูกหรือไร..” วันนี้ ทั้งเร็ดบุลและกระทิงแดงจะต้องตัดสินใจว่า จะทำอย่างไรจึงจะจบคดีทายาทกระทิงรุ่นที่ 2 ได้ เพื่อยุติความเสียหายจากการแอนตี้ของสังคมคุ้มค่าไหมที่ปล่อยให้บอสยังหนีคดีอยู่ กับ ยอดขายเร็ดบุลใน 120 ประเทศ 20,000 ล้านกระป๋องต่อปี ที่กำลังหดหาย ? หรือจะให้เป็นไปอย่างท่อนหนึ่งของเพลง “ถามคนไทย”ที่สันติ ลุ่นเผ่ ขับร้องวิญญาณปู่จะร้อง... วิญญาณปู่จะร้อง...