เมื่อถอยไม่ได้ ก็จำเป็นที่จะต้องเดินหน้าชน เพราะทุกปัญหาที่กำลังโถมเข้าใส่ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ "แม่ทัพใหญ่" แห่ง "ศบค." หรือ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ต้องแก้ไขสถานการณ์ทุกมิติให้สอดคล้องกัน ในคราวเดียว ! เมื่อศึกไวรัสโควิด ไม่เพียงแต่ประชิดอยู่หน้าประตูเมือง หากแต่ได้ลุกลาม เข้าสู่ประเทศไทย ทำให้ไทยตกอยู่ในชะตากรรมเช่นเดียวกับอีกกว่า 200ประเทศทั่วโลก เมื่อเจอไวรัสโควิด-19 เข้าโจมตี กันถ้วนหน้า เมื่อประเทศอยู่ในสถานการณ์อันไม่ปกติ แน่นอนว่า แม้นายกรัฐมนตรี จะยกให้ "ระบบการแพทย์" เป็น "พระเอก" ทำหน้าที่สำคัญ รับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด อย่างแข็งขัน จนสามารถทำให้ประเทศไทย "รับมือ"ได้จนเป็นที่ชื่นชมของต่างประเทศ แต่ถึงกระนั้นเมื่ออยู่ในภาวะไม่ปกติแล้ว การกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ไปจนถึงการเยียวยา พี่น้องประชาชนทั้งที่เป็นผู้ติดเชื้อ ไปจนถึงคนทั่วไปที่ยังไม่มีสถานะเป็น "ผู้ติดเชื้อ"หรือ "ผู้ป่วย" จึงต้องอาศัยมาตรการทั้งทางสังคม ด้านกฎหมาย และด้านเศรษฐกิจ เรียกว่า ต้องตรึงทุกแนวรบให้เข้มแข็งไม่ด้อยไปกว่ากัน วันนี้เมื่อ พ.ร.กให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคาม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) พ.ศ.2563 จำนวนไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท ได้ประกาศใช้แล้วเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยล่าสุดพล.อ.ประยุทธ์ ได้ออกมาแถลงสร้างความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะพิจารณาการกู้เงินด้วยความรอบคอบ เคร่งครัด โดยยึดทุกกฎหมาย เพื่อมุ่งไปที่การใช้งบประมาณใน 3เรื่องหลักได้แก่ ด้านสาธารณสุข การเยียวยา และการฟื้นฟู จากผลกระทบไวรัสโควิด-19 แต่ดูเหมือนว่า รัฐบาลเองไม่อาจรอดพ้นจากการถูกตรวจสอบจาก "ฝ่ายค้าน" ที่เตรียมที่จะใช้เวทีสภาผู้แทนราษฎร ซักฟอกเมื่อถึงวันเปิดสมัยประชุมสภาฯ ในเดือนพ.ค.นี้ ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งยังพบว่า รัฐบาลเอง โดยเฉพาะตัวพล.อ.ประยุทธ์ กำลัง "ถูกกดดัน" อย่างหนัก จากรอบๆด้าน เพื่อให้พิจารณา "ปลดล็อค" ในมาตรการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ตามที่ก่อนหน้านี้นายกฯได้ประกาศพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 26มี.ค.จนถึงวันที่ 30 เม.ย. นี้ จนเกิดเป็นที่มาว่าของรายงานข่าวว่า นายกฯเตรียม "ปลดล็อค" กันในวันที่ 1พ.ค.นี้ แต่ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ ได้ออกมายืนยันแล้วว่า "ไม่เคยพูดเลย" และที่สำคัญไปกว่านั้น ก่อนที่จะตัดสินใจปลดล็อคหรือ "ผ่อนปรน" มาตรการต่างๆที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้ ทั้งการกำหนดระยะเวลาการเข้า-ออก เคหสถาน ไปจนถึงการกำหนดให้ห้าง ร้าน สรรพสินค้า ให้ปิดบริการ นั้นต้อง "ฟัง" และ "ประเมิน" ทุกข้อมูล ให้รอบด้านเสียก่อน ไม่เช่นนั้นแล้วทุกอย่างที่ ทำมาเอาไว้ค่อนข้างดี ก่อนหน้านี้ จะมีอันต้องเสียเปล่า ! ในภาวะเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะมีแต่ "เรื่องใหญ่" ให้ "แม่ทัพใหญ่" ต้องรับมือและตัดสินใจ ในคราวเดียวกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทุกเรื่อง ล้วนเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันไปที่ปฏิบัติการสู้ศึกไวรัสโควิด ซึ่งรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ ก็แพ้ไม่ได้เสียด้วย !