ทีมข่าวคิดลึก ท่าทีของรัฐบาลทหาร ที่แม้วันนี้อาจไม่จำเป็นต้องใช้วิธีตอบโต้ ด้วยวาทกรรมอย่างดุเดือด หากแต่มีความชัดเจนว่าการเดินหน้าเพื่อมุ่งไปยังผลสัมฤทธิ์ เป็นเป้าหมายหลักคือการสะท้อนความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ! ทั้งที่ก่อนหน้านี้ รัฐบาล ถูกคาดการณ์จากหลายต่อหลายฝ่ายว่า ปัญหาเรื่องการอนุมัติให้กองทัพเรือจัดซื้อเรือดำน้ำYuan class S26T จากประเทศจีน และ ร่าง พ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน จะกลายเป็น "จุดตาย" ที่สามารถ"เขย่า" รัฐนาวา ของ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ให้ซวนเซลง แต่ท้ายที่สุดกลับกลายเป็นว่า ไม่เพียงแต่งานนี้รัฐบาล จะไม่ยอม"ถอย" หากแต่ยังเลือกที่จะ "หัก" กับ"สื่อ" เมื่อมติจากที่ประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มีมติเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.คุมสื่อฯ ด้วยเสียง 141 ต่อ 13 นั่นหมายความว่า"ผ่านฉลุย" ตามธงที่ตั้งกันเอาไว้และที่น่าสนใจ ยังพบว่าเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมสปท.ยกมือโหวตให้ผ่าน ล้วนแล้วแต่เป็นเสียงที่"สั่งได้" ทั้ง สปท.สายตำรวจ ทหารข้าราชการ เมื่อส่งสัญญาณไม่ลดรา ถอยร่นแล้วยังมีแนวโน้มว่าจะเดินหน้าหาทางควบคุม สื่อเอาไว้ในมืออีกด้วยต่างหาก ยิ่งเมื่อ ประเมินท่าทีจากบิ๊กตู่เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ที่ผ่านมา เมื่อตัวแทนจากสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นำคณะเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อรณรงค์เนื่องในวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก พร้อมยื่นจดหมายเปิดผนึกเรื่อง คัดค้านและขอให้ยกเลิกร่าง พ.ร.บ. คุมสื่อฯ ย่อมเห็นได้ว่า นายกฯเอง ยืนยันว่าที่ผ่านมาได้ให้อิสระแก่สื่อมาโดยตลอด ตั้งแต่มาเป็นนายกฯก็ยังไม่เคยฟ้องร้องใครหรือแม้แต่สั่งปิดสื่อสำนักใด เป็นอันว่า การประลองกำลังระหว่างรัฐบาลกับสื่อในยกนี้ สถานการณ์บ่งบอกว่าสิทธิและเสรีภาพของสื่ออยู่ในอาการที่น่าเป็นห่วงเพราะรัฐบาลทำท่าว่าจะไม่มีการใส่เกียร์ถอย ! เรื่องร้อนที่เกี่ยวพันการจัดซื้อเรือดำน้ำ ที่กลายเป็นประเด็นทำให้ทั้งรัฐบาลและกองทัพโดยถล่มจนอ่วม มิหนำซ้ำยังลุกลามบานปลายไปไกลถึงขั้นที่ว่า ปัญหาเรื่องเรือดำน้ำรอบนี้จะมีอานุภาพถึงขั้นสร้างแรงสั่นสะเทือนไปถึงเก้าอี้ "รองนายกรัฐมนตรี-รมว.กลาโหม" ของ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณด้วยหรือไม่ ? ยิ่งมีข่าวการปรับ ครม. แพร่สะพัดไปทุกหย่อมหญ้า ว่ารอบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ คงหนีไม่ออก จากสถานการณ์ที่รุมเร้าอยู่รอบด้าน ที่สุดแล้วต้องใช้ "การปรับ ครม." เป็นทางออกสุดท้าย เพื่อเรียกคะแนนนิยมให้กลับคืนมา แต่เมื่อการแถลงข่าวโดยกองทัพเรือ เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมากลับยิ่งสะท้อนให้เห็นว่านอกจากกองทัพเรือจะยืนยันถึงความจำเป็นในการจัดซื้อเรือดำน้ำแล้ว ล่าสุด ยังมีความเคลื่อนไหวที่ออกมาสนับสนุนการตัดสินใจของกองทัพเรือและ ครม.จากฝ่ายการเมือง, คณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของชาติ (ภตช.)ไปถึงสื่อบางสำนักที่ออกมาเคลื่อนไหวในทิศทางที่เป็นบวก อย่างเห็นได้ชัด นั่นหมายความว่าประเด็นที่เคยถูกประเมินว่าจะทำให้ร้อนแรง จนพล.อ.ประยุทธ์ รัฐบาล คสช. หรือแม้แต่ พล.อ.ประวิตร ตกอยู่ในสภาพที่เรียกว่า "อยู่ยาก" ก็กลับไม่เป็นไปตามที่ถูกคาดการณ์ แต่อย่างใด !