ดร.วิชัย พยัคฆโส
[email protected]
เสียงเรียกร้องจากนักศึกษามหาวิทยาลัยเพื่อให้คืนเงินค่าบำรุงการศึกษา และปรับลดลงสัก 10-25% ในการเยียวยานักศึกษาจากไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นเรื่องน่าเห็นใจเพราะนักศึกษาไม่มีรายได้ แต่เอามาจากพ่อแม่ผู้ปกครองที่เดือดร้อนจากโควิด-19 อยู่แล้ว
หลายมหาวิทยาลัยต่างออกมาขอความเห็นใจจากผู้ปกครองว่ามหาวิทยาลัยมิใช่องค์กรแสวงหากำไรอยู่ได้เพราะค่าเทอมซึ่งเป็นค่าบำรุงการศึกษาประจำปี แถมรัฐบาลปีนี้จะมาถอนขนห่านอีก 10-20% แต่ปีหน้ามหาวิทยาลัยถูกตัดงบดำเนินงานจนเกลี้ยง เช่น ค่าสอน ค่าล่วงเวลา ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายผู้บริหาร ค่าวัสดุซ่อม ฯลฯ ให้ไปใช้เงินรายได้ของมหาวิทยาลัย ซึ่งไม่พอจ่ายอยู่แล้ว แถมยังจะตัดงบอื่นไปอีก 10-20% อีกด้วย
แต่มหาวิทยาลัยได้พยายามหาทางช่วยเหลือ โดยให้ผ่อนชำระค่าเทอมเป็นงวดๆ และยังมีค่าหอพักให้อยู่ฟรี ลดค่าธรรมเนียมต่างๆลง ที่จะเป็นภาระของนักศึกษา รวมถึงเพิ่มทุนการศึกษาให้ เพื่อให้มหาวิทยาลัยอยู่ได้และดำเนินการเรียนการสอนต่อไป
ความจริงนักศึกษาต่างได้รับเงินค่าเทอมจากพ่อแม่ผู้ปกครอง ซึ่งได้รับการเยียวยาจากรัฐมาบ้างแล้ว หากต้องให้มหาวิทยาลัยยอมขาดทุนอีกคงอยู่ไม่ได้ เพราะบางแห่งนักศึกษาน้อยลง รายได้ไม่พอเพียงกับค่าอาจารย์ที่สอนยอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยเปลี่ยนแนวสอนเป็น online แทน ต้องลงทุนอีกมากและนักศึกษาไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม นักศึกษาพอมีทางออกอยู่บ้าง เพราะหากยากจนจริง กรอ. กยศ.มีให้กู้มาเรียนได้อยู่แล้วส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่ง กยศ. ยังอดอัตราดอกเบี้ยปรับเหลือ 0.5% จาก 7.5% ต่อปีให้อีกหลายมาตรการ เช่น
1.ปรับลดเบี้ยปรับจาก 7.5% ลงเหลือ 0.5% ตั้งแต่ 1 เม.ย.- 31 ธ.ค. นี้ สำหรับผู้ที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี สามารถผ่อนชำระลดลงได้ 7 เดือน
2.ให้นายจ้างหักเงินเดือนของผู้กู้เหลือ 10 บาท/เดือน สำหรับผู้ทำงานภึเอกชน ตั้งแต่ 1 เม.ย.-30 มิ.ย. นี้
3. ลดเบี้ยปรับ 80% สำหรับผู้กู้ทุกกลุ่มที่ค้างชำระ และสามารถปิดบัญชีครั้งเดียว ในกรณีของผู้ที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี
4.ลดเบี้ยปรับ 75% สำหรับผู้กู้ที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีจนถึง 30 ก.ย. นี้
5. พักชำระหนี้ให้แก่ผู้กู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้สิทธิผ่อนผันหยุดการชำระหนี้ได้เป็นเวลา 2 ปี
6. หยุดการขายทอดตลาดสำหรับผู้ที่ถูกดำเนินคดีได้จบถึงสิ้นปีนี้
7. ผ่อนผันสำหรับผู้กู้ชั้นดี แบ่งชำระหนี้ได้ 2 ครั้งต่อปี เป็นต้น
ต้องขอบคุณสำหรับ กยศ. ที่ออกมาตรการมาก่อน โดยไม่ต้องร้องขอ เป็นการแบ่งเบาภาระของนักศึกษาที่กู้เงินไว้ค่อนข้างมาก แต่สำหรับนักศึกษาใหม่คงต้องขอกู้ตามระบบที่มีอยู่ได้
สำหรับมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่มีภาระแตกต่างกัน ได้พยายามหาทางช่วยเหลือนักศึกษาเต็มความสามารถ ในขณะที่รัฐตัดงบประมาณไปมาก หากเงินรายได้สะสมไว้ไม่มีเหลือ คงต้องกัดฟันสู้ต่อไป เพียงแต่ขอให้มหาวิทยาลัยมีเงินค่าบำรุงการศึกษาพอที่จะจับจ่ายได้เท่านั้น