สถาพร ศรีสัจจัง พูดถึงสำนักงานสถิติแห่งชาติมากมายก็เพราะหน่วยงานนี้ควรจะต้องเป็นหน่วยงานสำคัญที่สุดของประเทศในการเป็น “ตัวช่วย” เพื่อการ “พัฒนา” และ “แก้ปัญหา” ต่างๆของสังคมไทย ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะใครๆล้วนรู้กันดีแล้วว่า “ฐานข้อมูล” นั้น เป็น “ปฐมเหตุ” ในการแก้ปัญหาและการสร้าง “นวัตกรรม” (Innovation) ในโลกยุคใหม่ทั้งหลายทั้งปวง งานวิจัยเพื่อนำไปสู่นวัตกรรมทั้งเพื่อการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่จะนำประเทศชาติไปสู่ความรุ่งเรือง หรือเพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการทำวิจัยแก้ปัญหาทางสังคมด้านต่างๆล้วนต้องใช้ฐานข้อมูลที่แม่นยำเที่ยงตรงทั้งสิ้น สังคมไหนที่ไม่มีฐานข้อมูลคุณภาพสูง ก็ยากที่จะสู้รบแข่งขันได้ในทุกสนามของโลกสมัยใหม่ แม้จะแก้ปัญหาของตัวเองก็ยังเป็นไปได้ยาก!! ดังเช่นที่สังคมไทยกำลังประสบอยู่ในขณะนี้!             ปรากฏการทางสังคมในรอบ 5 ทศวรรษที่เป็นผลผลิตโดยตรงของการสมาทานรับเอาระบบการเมืองแบบตะวันตก(สำเร็จรูป)ที่เรียกว่า “ระบบ “เสรี” ประชาธิปไตย” ควบคู่กับระบบเศรษฐกิจกระแสหลักที่เรียกว่า “ทุนนิยม(บริโภค)เสรี” แบบผลีผลาม ชนิดที่จิตร ภูมิศักดิ์ เรียกว่าเลือกแบบ “ไม่เลือกแก่นทิ้งกาก” กำลังสำแดงโรคร้ายระบาดใส่คมไทยที่เคยเรียบง่ายยั่งยืน(หลายคนเรียกว่าล้าหลัง)ภายใต้อิทธิพลของคุณธรรมจริยธรรม ของพระพุทธศาสนาแบบเถรวาทอย่างรุนแรง จนอาจกล่าวได้ว่าสังคมไทยกำลังป่วยหนักเข้าขั้นโคม่าทีเดียว! ชาววงสภากาแฟยามเข้าที่เมืองชายแดนภาคใต้หลายเสียงสรุปตรงกันแบบเรียบๆง่ายๆ(ไม่ต้องเป็นภาษาฝรั่ง)ว่า  เมืองไทยกำลังเป็น “โรคสังคมเน่า”! โดยสามัญสำนึกของคนรับรู้ข่าวสารแบบ “คนไทยธรรมดาๆ” คนหนึ่งเกี่ยวกับเรื่อง “คดีอาญา” ในสังคมไทยปัจจุบันเพียงเรื่องเดียว ก็น่าจะตอบคำถามปรากฏการ “โรคสังคมเน่า” นี้ได้แล้ว เพราะมันสะท้อนอย่างรอบด้านถึง “ระบบ” ที่ดำรงอยู่ว่าสังคมกำลังเน่าขนาดไหน อย่างไร สมุหฐานของโรคคืออะไร และจะมีหมอมียามีเครื่องมือที่พอจะบำบัดได้ไหม? ฐานข้อมูลในเรื่องนี้ของสำนักงานสถิติแห่งชาติมีแค่ไหนอย่างไร เคยใช้ “วิชาการเชิงสถิติสมัยใหม่” เจ้าไปสำรวจตรวจสอบบ้างหรือไม่? เคยเปิดเผยแบบ “สื่อโปร่งใส” ให้สาธารณะชนได้ร่วมตระหนักตกใจรับรู้บ้างหรือไม่ ? เปิดกูเกิ้ลทีไรก็เห็นมีแต่ข้อมูลเก่าๆของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (เฉพาะที่มีคนมาแจ้งความ) และข้อมูลของเอ็นจีโอ.เล็กๆอย่างองค์กรที่เรียกตัวเองว่า “ศูนย์ข้อมูลข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง(TCIJ)” ของคุณสุขาดา จักรพิสุทธิ์ ที่หางดง เมืองเชียงใหม่ก็เท่านั้น! เกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าสำนักงานสถิติแห่งชาติไม่ตื่นขึ้นมาต่อสู้(รู้หรอกหน่วยงานแบบนี้ขาดทั้งงบประมาณทั้งตำแหน่ง)เพื่อให้รัฐบาลที่ “มาอย่างพิเศษ” (คือทำรัฐประหารมาโดยการประกาศชัดว่ามาเพื่อช่วยแก้ปัญหาของชาติเท่านั้น ไม่ได้มาเพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง?)รู้ว่าการแก้ปัญหา “โรคสังคมเน่า” ต้องอยู่ที่ “ฐานข้อมูล” ที่เข้มแข็ง มีระบบการวิจัยที่เข้มแข็ง จนรู้ปัญหาชัดจริงๆเท่านั้นจึงจะแก้ได้-ที่สำคัญคือต้องใช้ลูกกล้า! ก็เห็นมีมาตรา 44 อยู่ในมือมิใช่หรือ? แล้วจะรอให้ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” หรืออัยการแก้อยู่ได้อย่างไรเล่า?เพราะมีใครรู้บ้างละว่า กลางสังคมที่กำลังเน่าเฟะนี้ มีลูกหลานญาติพี่น้องพรรคพวกของตำรวจ-อัยการหรือตัวตำรวจตัวอัยการเองสักกี่คนกี่รายที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด(เป็นต้น)? ทั้งในแง่ผู้เสพ ผู้ค้า หรือผู้รับผลประโยชน์ในทางใดทางหนึ่ง! เอาแค่เรื่อง “บอส กระทิงแดง” ที่ขับรถชน “ตำรวจ” ตาย(เน้นว่า “ตำรวจตาย” ) ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน (และมีตำรวจใหญ่บางคนพยายามเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา)ที่ปัจจุบันก็รู้ๆกันอยู่ว่าผู้กระทำผิดรายนี้สุโขสโมสรขับ รถสปอร์ตโฉบเฉี่ยวจัดปาร์ตี้ครึกครื้นอยู่ที่ไหน-แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว นายกฯลุงตู่ไม่เห็นบ้างหรือว่าเมืองไทยที่รักยิ่งของท่านกำลังเป็น “โรคสังคมเน่า”วิกฤติขนาดไหน?