เมื่อบุคลากรทางแพทย์ คือนักรบหลักในสงครามโควิด-19 แต่ช่วงที่ผ่านมาพบว่าพวกเขาต้องตกเป็นเหยื่อไวรัสวายร้ายเสียเองหลายราย ซึ่งเป็นเรื่องที่สะเทือนใจของสังคม และหวั่นวิตกเป็นอย่างยิ่ง ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่อุปกรณ์ในการป้องกันตนเองไม่เพียงพอ จากปัญหาการกักตุน เช่น หน้ากากอนามัย ที่หลายโรงพยาบาลต้องร้องขอการบริจาค และที่สำคัญคือการปกปิดประวัติของผู้ป่วย ทำให้บุคคลากรทางการแพทย์เผชิญกับความเสี่ยงที่จะติดเชื้อและอาจเป็นต้นตอแพร่ไปสู่ผู้อื่น รวมทั้งเมื่อต้องหยุดทำงานไปรักษาตัวอาจทำให้เกิดดปัญหาขาดแคลนบุคคลากร ส่งผลกระทบการรักษาผู้ป่วย และระบบสาธารณสุขในที่สุด สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า มีบุคลากรทางการแพทย์มากกว่า 52 คน ในอิตาลี ฝรั่งเศส และสเปน ที่เสียชีวิต หลังล้มป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เฉพาะอิตาลีประเทศเดียว มีบุคลากรทางการแพทย์เสียชีวิตแล้ว 44 คน ติดเชื้ออีกกว่า 6,400 คน คิดเป็น 8% ของจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ระบุว่า "โควิด-19 ระบาด ต้องอยู่ด้วยความระแวงสงสัยไว้ก่อน ทำไมเราต้องกำหนดให้มีระยะห่างระหว่างบุคคล เราจะต้องอยู่ด้วยความระแวงไว้ก่อน การแยกตัวเอง กำหนดระยะห่างเอาไว้ เพื่อป้องกันตัวเรา บุคลากรทางการแพทย์ก็เช่นเดียวกัน ฤดูกาลนี้โรคทางเดินหายใจยังน้อยอยู่ ฤดูฝนจะมากกว่านี้ การตรวจก็ต้องระวัง ให้นึกว่า ทุกคนที่มีไข้ โรคทางเดินหายใจ สมมุติในใจเป็น โควิด-19 ไว้ก่อน เราจะต้องป้องกันตัวเราให้เต็มที่ อย่างน้อยก็ใส่หน้ากากอนามัย ผมเองมีแว่นตาส่วนตัว ที่ใช้หลังทำต้อกระจก goggle ใส่เสื้อกาวน์ยาว และแขนยาว ในการตรวจคนไข้และจะต้องล้างมือก่อนและหลังตรวจผู้ป่วยเอง จะต้องบอกความจริง กับแพทย์ เราได้ยินข่าว ว่าบุคลากรทางการแพทย์ ติดจากผู้ป่วย และมีการระบาดในโรงพยาบาลเป็นกลุ่มก้อนได้ จะทำให้ขาดบุคลากรทางการแพทย์ ในประเทศจีน บุคลากรทางการแพทย์ติดโรค โควิด-19 จากผู้ป่วย ประมาณ 3-4 เปอร์เซ็นต์ นับว่าไม่น้อยเลย ขณะนี้ผลกระทบ ไปถึงผู้ป่วยทั่วไป ที่ไม่ฉุกเฉิน และต้องรอการทำหัตถการหรือผ่าตัด ต้องถูกเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด เพราะโรงพยาบาลทุกแห่งต้องใช้กำลังคนมาเตรียมพร้อมสำหรับ โควิด-19 มีการลดการผ่าตัดในผู้ป่วยที่ไม่ฉุกเฉิน การจ่ายยาโรคเรื้อรังให้นานขึ้น เพื่อลดการมาโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น ขอให้ทุกคนช่วยกันดูแลสุขภาพ และร่วมมือร่วมใจ ส่งกำลังใจให้กันและกัน ในการผ่าฟันวิกฤตครั้งนี้ เรากำลังเดินทางไกล เหมือนวิ่งมาราธอน จึงต้องการกำลังใจซึ่งกันและกัน" อย่างไรก็ตาม ในยามนี้แม้กำลังใจจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญคือความคาดหวังให้รัฐบาลทุ่มเทงประมาณในการสนับสนุนอุปกรณ์ในการป้องกันตนเองให้กับบุคคลากรในระบบสาธารณสุขอย่างเพียงพอ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการปรกาศพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ มีการตั้งจุดคัดกรองต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่เหล่านั้นต้องป็นด่านหน้าเผชิญกับความเสี่ยงเช่นเดียวกัน ในขณะที่ประชาชนนอกจากจะส่งมอบกำลังใจ ร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการหยุดอยู่บ้าน งดและลดการเดินทาง งดการพบปะสังสรรค์แล้ว บางส่วนที่มีกำลังยังส่งมอบสิ่งของอุปโภค บริโภค และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จัดหาได้ด้วย หากทุกฝ่ายขับเคลื่อนกันอย่างเต็มกำลัง ก็จะช่วยลดปัญหาการติดเอของบุคคลากรทางการแพทย์ และบุคคลากรที่เกี่วข้อง เราเชื่อว่าจะสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะผ่านพ้นไปได้ในไม่ช้า และสังคมไทยจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ฟื้นฟูสภาพจิตใจ และคืนสู่ความสุขได้ในเร็ววัน