สถาพร ศรีสัจจัง
คนรุ่นใหม่ยุคกระแสไล่นายกฯลุงตู่มาแรง ย่อมรู้จักคำ “ไวรัล” ดีพอๆกับที่รู้จักว่าชีวิตนี้(น่า)จะขาดเซเว่น อีเลฟเว่นไม่ได้ใช่ไหม?
ทำไมจึงกล้ากล่าวเช่นนั้น? ที่กล้ากล่าวนั้นก็เพราะนั่นเป็นเหมือน “สิ่งที่เห็นจริงแล้ว” !ในวิชาเรขาคณิต (ระดับธรรมดาไม่ต้องถึงขั้น “วิเคราะห์”)
แต่ถ้าถามพวกเขาต่อไปว่า รู้ใช่ไหมว่าคำ “ไวรัล” นั้น เป็นคำที่แผลงมาจากคำ “ไวรัส” ในภาษาฝรั่งอังกฤษ ในขณะที่บางคนผงกศีษะรับในทำนองว่ารู้ แต่บางคนอาจส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมกับคิดในใจว่า “จะต้องรู้ไปหาพระแสงไปทำไมวะ ไม่เห็นจะทำให้ชีวิตดีขึ้นสักหน่อย!” หรืออะไรทำนองนั้น !
ตามแบบของคน “Gen” ใหม่เอี่ยมรุ่นนี้ ที่มักไม่ต้องการรู้อะไรมากไปกว่าสิ่งที่ “รู้สึก” ว่าต้องทำเท่านั้น! ความรู้สึกว่า “ต้องเป็น” หรือต้องทำดังกล่าว ส่วนใหญ่เกิดจากอิทธิพลการถูกโปรแกรมด้วยข้อมูลแบบ “ดิจิตอล” ที่ปรากฏอย่างรวดเร็วและมีพลังให้เห็นจากจอแคบๆของสิ่งที่เรียกเท่ๆว่า “สมาร์ท โฟน” ที่พวกเขาต้องพกพาและจ้องดูหรือเงี่ยหูฟังอยู่ตลอดเวลาของชีวิต ไม่ว่ายามกิน ยามนอน หรือยามมีกิจใดต้องปฏิบัติก็ตาม!
ความรู้สึกของ “เด็กไทย” gen ใหม่ในยุคปัจจุบันเป็นเช่นนั้น ในทำนองคล้ายๆกับที่พวกเขาคิดว่า แค่รู้จักกรุงเทพฯวันนี้ก็พอแล้ว จะรู้เรื่องอยุธยา สุโขทัย หรือ “ความเป็นไทย” ให้รกหัวไปอีกทำไม!
ทุกสิ่งต้องสามารถประเมินหรือแปรผลเป็น “มูลค่า” (คือเงิน!)ได้เท่านั้น “คุณค่า” ที่ไม่สามารถแปรผลเป็น “มูลค่า” นับเป็นเรื่องไร้สาระหรือเป็น “ส่วนไม่จำเป็น” ของชีวิต!
ในแง่นี้พวกเขาย่อมเห็นต่างกับนักคิดนักเขียนลือชื่ออย่าง “โก้วเล้ง” เจ้า “มังกรโบราณ” ผู้เขียนวรรณกรรมยิ่งใหญเรื่อง “ฤทธิ์มีดสั้น” คนนั้น ที่เคยนำเสนอว่า สำหรับมนุษย์สิ่งที่ “จำเป็น” กับสิ่งที่ “มีคุณค่า” นั้นไม่เหมือนกัน เขายกตัวอย่างว่า เช่น “น้ำ” อาจจะเป็น “ของเหลวที่จำเป็นต่อชีวิต” (ขาดน้ำคนก็ต้องตาย) แต่ “เหล้า” หรือเครื่องดื่มประเภทมีแอลกอฮอล์ทั้งหลายอาจเป็น “ของเหลวที่มีคุณค่า” สำหรับคนในบางเวลาของชีวิตก็ได้ เป็นต้น!
และอาจเพื่อช่วยยืนยันว่า “พวกมึง(มนุษย์) ไม่ได้ยิ่งใหญ่จนสามารถ “เป็นนายใหญ่” ที่สามารถบังคับกำหนดเอาสิ่งอื่นทั้งหมดลงเป็นข้าทาสได้หมดหรอก(ปัจจุบันมนุษย์ในยุค “เงินเป็นใหญ่” ส่วนหนึ่งคิดเช่นนั้นจริงๆ!) พวกมึงคอยดูต่อไปเถิด..”
แล้วสิ่งที่เรียกว่า “ไวรัส โคโรนา 2019” หรือ “โควิด- 19” ก็พลันปรากฏ “พลังแห่งความเร็ว” ให้โฮโมซาเปี้ยนสายพันธุ์ “มนุษย์” ได้ประจักษ์แบบต้องโกลาหลกันไปทั้งสังคมในดาวสีน้ำเงินที่ชื่อ “โลก” ดวงนี้อีกครั้ง!
ว่า “ดูซิพวกข้า เร็วกว่าเจ้า “ไวรัล” อันแสนจะทันสมัยของพวกเจ้าหรือเปล่า!”
รู้สึกตัวกันบ้างแล้วหรือยัง? และเพราะดูเหมือนจะ “ยัง” นั่นละกระมัง เจ้า “โควิด-19” จึงไม่ยอมหยุดแสดง “พลังความเร็ว” ใหัโลกมนุษย์ยุค “โลกาภิวัตน์” หรือที่เรียกเป็นคำฝรั่งแบบคน “Gen” นี้ว่า “Globalization” (นั่นแหละ)ได้เห็นชัดๆเน้นๆว่า ดูให้ขัดๆเสียสิว่าเอาเข้าจริงแล้วพวกกูหรือพวกมึงเร็วกว่ากันแน่(ถ้าเจ้าไวรัส โคโรนา คิดเป็นและพูดได้อย่างสายพันธุ์ “มนุษย์” พวกมันคงจะพูดเช่นที่ว่าก็ได้ใครจะไปรู้?)
คำ “Globalization” ถือเป็น “คีย์เวิร์ด” สำคัญที่สุดคำหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงการบรรลุผลอย่างสูงสุดของระบบ “ทุนนิยม เสรี” (ที่ต้องมีคำว่า “เสรี” ติดหลังคำทุนนิยมด้วยก็เพราะ “ทุนนิยม” ที่ไม่พ่วงคำว่า “เสรี” ก็มี!) ที่สามารถทำให้สังคมมนุษย์ยุคใหม่กลายเป็น “สังคมเดียว” (คือสังคมบริโภคสินค้าตามที่ “ทุน” กำหนดด้วยสิ่งที่เรียกว่า “เทรนด์” ให้!) ด้วย “นวัตกรรม” ที่เรียกว่า “ดิจิตอล”!
ไวรัส “โควิด-19” จึงนับเป็น “ไวรัล” ตัวจริง เพราะสามารถ แพร่กระจายโดยไม่สามารถมีพรมแดนกำหนด/อย่างรวดเร็วและทะลุทะลวงต่อเนื่อง ทั้งในด้านข้อมูลข่าวสาร และ “Product” หรือตัวผลิตภัณฑ์ แบบที่ไม่มีมนุษย์กลุ่มไหนสามารถ “เอาอยู่” นี่แหละคือ “ไวรัส กล็อบบอลไล๋เซชั่น” ของจริง!
กล่าวเฉพาะสำหรับเมืองไทย คนที่ซวยที่สุดในเรื่องนี้ ดูเหมือนจะเป็นคนที่ชื่อ “นายกฯลุงตู่” ของเรานั่นเองช่วงที่เพิ่งมีการยุบพรรค “อนาคตใหม่” ลำพังเฉพาะการใช้ “กระแสคน” gen ใหม่ มาถล่มเพียงอย่างเดียวก็ง่อนแง่นพออยู่แล้ว พอเจ้าไวรัสตัวนี้มาถึง ฝ่ายตรงข้าม(ที่ใช้ยาแก้ปวดตรา “ประชาธิปไตย เสรีนิยม” มาเป็นยี่ห้อประจำตัว โฆษณาขายกันในหมู่ “คน gen ใหม่” ในทำนอง “แก้ปวดได้ทุกชนิด”! จนครองตลาดกลุ่มคนที่ว่าได้อย่างเบ็ดเสร็จอยู่ในตอนนี้) ก็รวมหัวกันถล่ม(โดยไม่เคยบอกให้เห็นเป็นรูปธรรมเลยว่า ถ้าเป็นตัวเองจะแก้ปัญหาอย่างไร?) จนฐานที่มั่นจะทลายอยู่ในขณะนี้ไง!
แต่คนรุ่นเก่าอย่างนายกฯลุงตู่ก็คงมี “คาถา” ไว้ป้องกันตัวแบบ “คนไทยพุทธ” ใช่ไหม? ถ้าถูกรุกจนลืมสตินึกไม่ออกก็จะบอกให้ว่า คาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวไทยพุทธเรา ก็หลัก “พรหมวิหารสี่” นั่นแหละ นึกออกแล้วใช่ไหม? ว่าตอนนี้ควรจะทำอะไร แผ่เมตตาเข้าไว้!!!