สบช่องเขย่า “บิ๊กตู่”

ได้จังหวะดี โอกาสงามของ “ฝ่ายค้าน” ที่จะใช้ช่วงเวลานี้ ที่รัฐบาลของ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำลังอยู่ในอาการ “เมาหมัด” กับการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กลับมีปัญหาแตกแยกย่อยไปสู่การขาดแคลนหน้ากากอนามัย ทั้งในโรงพยาบาล และประชาชน มีเงินก็ยังหาซื้อไม่ได้ ลุกลามไปสู่การตั้งคำถามว่ามีเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นด้วยหรือไม่ ? ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มี.ค.63 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามคำสั่งย้ายด่วน “วิชัย โภชนกิจ” อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเปิดทางให้มีการตรวจสอบปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัย การบริหารจัดการของรัฐบาล เจ้ากระทรวง ทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในการแก้ไข ป้องกัน และรักษาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 พันไปถึงเรื่องราวความวุ่นวาย ทางการเมืองตามมาทั้งภายในพรรคเดียวกันเอง ไปจนถึงระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ว่ามี “คน” ของ “ใคร” พรรคไหน เข้าไปมีส่วนในขบวนการกักตุนและค้ากำไร หน้ากากอนามัย จนทำให้คนในประเทศได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักหรือไม่ แน่นอนว่า เวลานี้ อยู่ในระหว่างการปิดสภาผู้แทนราษฎร และจะไปเปิดอีกครั้งในเดือนพ.ค. นั่นหมายความว่า “ฝ่ายค้าน” จะต้องรอหากคิดจะใช้กลไกทางสภาฯเพื่อตรวจสอบ การบริหารงานของ รัฐบาล ซึ่งอาจไม่ทันการ ! ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงจะเห็นได้ว่า มีความเคลื่อนไหวจากพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ที่ดาหน้าออกมาเรียกร้องให้เปิดประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญขึ้นมาเป็นวาระพิเศษ โดยให้เหตุผลว่าเพื่อต้องการช่วยเก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนอีกทาง “เป็นเรื่องธรรมดาที่ฝ่ายรัฐบาลย่อมต้องกลัวการถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่อยากให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของฝ่ายค้านที่ต้องการใช้เวทีรัฐสภาในการระดมความคิดเห็นร่วมกัน เพื่อหาทางออกจากวิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ขณะนี้พรรคเพื่อไทยร่างญัตติขอเปิดประชุมรัฐสภา สมัยวิสามัญเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.เป็นต้นไป จะนำญัตติดังกล่าวไปขอเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาทุกคนเพื่อให้ได้เสียงสนับสนุนอย่างน้อย 1 ใน 3 ของสมาชิกรัฐสภาคือ 246 เสียง ซึ่งลำพังเสียงของฝ่ายค้านมีไม่พออยู่แล้ว จึงต้องขอความร่วมมือจากทุกคน หากครบถ้วน ก็จะสามารถเปิดประชุมได้” (15มี.ค.63) อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ออกมาให้สัมภาษณ์ตอบโต้กับการแสดงออกของพรรคพลังประชารัฐ พรรคแกนนำรัฐบาลที่ไม่เห็นด้วยที่พรรคฝ่ายค้านจะเสนอให้มีการเปิดประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญ ขึ้นมา โอกาสที่รัฐบาลจะยอมให้ไฟเขียวฝ่ายค้านเพื่อเปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ ในจังหวะที่รัฐบาลของบิ๊กตู่เองยังสาละวน อยู่กับการรับมือการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 นั้นดูจะเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้นได้ เพราะไม่เพียงแต่จะเปิดการตัดสินใจที่ทำให้เกิดภาพในลักษณะของการเปิดศึกหลายทางแล้ว ยังจะกลายเป็นการเปิดช่องฝ่ายค้าน “ขยายแผล” ในปมประเด็นอื่นๆ ที่จะตามมา ไปโดยปริยาย !