เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พาคณะเดินสายไปให้กำลังใจ บุคลากรทางการแพทย์ ที่โรงพยาบาลราชวิถี กทม. นับเป็นโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ต่อจากโรงพยาบาลบำราศนราดูร ที่ได้ไปเยี่ยมเยียน ดูการปฏิบัติงานมาก่อนหน้านี้
เพราะในยามนี้สิ่งที่ผู้คนในสังคม ตลอดจนทั้งแพทย์และพยาบาล รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ทุกภาคส่วนต้องการคือ ความเข้าใจ ความร่วมมือและกำลังใจ หลังจากที่ต้องทำสงครามต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กันมาพักใหญ่
แน่นอนว่าในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดที่กำลังรุมเร้ารัฐบาลในห้วงเวลานี้ ย่อมส่งผลกระทบทั้งทางตรง และทางอ้อม ต่อตัวพล.อ.ประยุทธ์ เองอย่างหนัก เพราะในระหว่างที่การบริหารจัดการของแต่ละกระทรวงที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังต้องดำเนินควบคู่ไปกับการรักษาให้กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ โดยล่าสุดมีการเปิดเผยยอดตัวเลขที่เพิ่มขึ้น
กลับกลายเป็นว่ารัฐบาลต้องหันมาตอบคำถามว่าวันนี้หน้ากากอนามัย หายไปไหน และ “ใคร” เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการกักตุน -ค้ากำไรจากการขายหน้ากากอนามัยกันบ้าง
ตลอดหลายวันที่ผ่านมาจะพบว่า คะแนนความเชื่อถือของรัฐบาลอยู่ในจุดที่ดิ่งลงต่ำ อย่างต่อเนื่อง หลายเรื่อง หลายราวกลายเป็นปมที่สร้างแรงกดดัน ทั้งต่อการบริหารงานของรัฐบาล ในยามที่ต้องต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ลุกลามไปแล้วทั่วโลก จนล่าสุด ประเทศอิตาลี และอินเดีย มีคำสั่ง “ปิดประเทศ” เพื่อยับยั้งวิกฤติกันแล้ว
ขณะเดียวกัน ยังกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นยังซ้ำไปยัง “ความสัมพันธ์” ภายในพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเรียกร้องให้พรรคทบทวนว่าจะ ไปต่อ