ผ่านมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นศึกสนามไหน ก็ให้รู้ไปว่า คนชื่อ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ จะมีอันต้องหลุดหล่นจากเก้าอี้ “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ด้วยเรื่องของ “หน้ากากอนามัย” ! ในเมื่อนาทีนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง ไม่ใช่รายการ The Weakest Link ที่ใครคิดจะมา “กำจัดจุดอ่อน” กันได้ง่ายๆ ฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่ล่าสุดจะได้เห็นท่าทีและสุ้มเสียงของร.อ.ธรรมนัส แปรเปลี่ยนไปจากเดิมเมื่อวันที่เพิ่งเกิดเรื่องราว ที่เคยให้สัมภาษณ์สื่อว่าจะพิจารณาตัวเอง หากประชาชนไม่ต้องการ มาสู่โหมดของการเดินหน้าชน ขออยู่เพื่อพิสูจน์ตัวเอง กระชากหน้ากาก “ขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย”ในยามที่ผู้คนกำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนหน้ากากอนามัย ป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 “ ชีวิตผมผ่านอะไรมาเยอะ เจออะไรมาเยอะ และตอนนี้ก็ไม่ได้คุยกับใครในพรรคทั้งนั้น เพราะต้องพิสูจน์ความจริงว่าใครอยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่ว่าเจอตอปุ๊บ ก็หลบไปเลย โดยไม่ได้คุยกับทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพราะเมื่อเราเข้ามาสู่เวทีการเมืองแล้ว เราจะต้องรับได้ทุกสภาพ” (10มี.ค.2563) หากถอดรหัสจากคำให้สัมภาษณ์ของร.อ.ธรรมนัส ก่อนการประชุมครม.เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา จะพบว่า ณ เวลานี้เจ้าตัว นอกจากจะ “ไปต่อ” แล้วยังเปิดปฏิบัติการ “เชือด” ทั้งคนใกล้ชิด อย่าง “พิตตินันท์ รักเอียด” ให้พ้นจากคณะทำงานในทีม พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบพิตตินันท์ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับ “เสี่ยบอย” ศรสุรีว์ ภู่รวีรัศวัชรี ที่เพิ่งถูกดำเนินคดีในหลายข้อหาจากกรณีกักตุนหน้ากากอนามัย หรือไม่ ในระหว่างที่ร.อ.ธรรมนัส กำลังหาคำตอบและแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการหันมาตรวจสอบ “คนใกล้ชิด” ว่าเกี่ยวข้องในขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัยหรือไม่ อยู่นั้น ปรากฎว่าคลื่นลมกลับโถมเข้าใส่ทั้งร.อ.ธรรมนัส ด้วยการออกแรงกดดัน จี้ให้ร.อ.ธรรมนัส แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากรัฐมนตรีช่วยฯ รวมไปถึงแรงกดดันที่กระแทกไปยังตัว “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้นำรัฐบาล ให้ใช้ “อำนาจ” ตัดสินใจปรับร.อ.ธรรมนัส ให้พ้นจากครม. และแรงกดดันที่ว่านี้ดูเหมือนว่าจะมาจาก “พรรคประชาธิปัตย์” พรรคร่วมรัฐบาล ที่ตั้งท่า “เขย่า” รัฐบาลมาตั้งแต่เมื่อครั้งลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ “6รัฐมนตรี” แต่เมื่อล่าสุดร.อ.ธรรมนัส ยังอยู่ในจุดที่เป็น “จุดอ่อน” ในรัฐบาล ซึ่งเป็นรัฐมนตรีที่ “17ส.ส.ประชาธิปัตย์”เคยมีมติ ว่าจะไม่โหวตสนับสนุน เกิดปัญหา “บริวารเป็นพิษ” ระลอกใหม่เข้ามา จึงเท่ากับว่าจังหวะนี้เสมือน “ลูกเข้าทาง” ส.ส.ของประชาธิปัตย์ บางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมรัฐบาลกับพล.อ.ประยุทธ์ มาตั้งแต่แรก ! อย่างไรก็ดี โอกาสที่ร.อ.ธรรมนัส จะตัดสินใจทั้งเก้าอี้ เพื่อแสดงความรับผิดชอบนั้นยังเป็นเรื่องที่ต้องลุ้นรอดูกันต่อไป ยิ่งเมื่อล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ เองออกมาระบุแล้วว่าต้องรอให้เกิดความชัดเจนเสียก่อน นั่นจึงเหมือนเป็น “สัญญาณ” ที่พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล กำลังคาดหวังว่าพวกเขาจะผ่านพ้นวิกฤติศรัทธา ครั้งนี้ไปอย่างเนียนๆ ได้หรือไม่ ?!