คาดว่าคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆกว่าที่ชื่อ ของพรรคก้าวไกล จะกลายเป็นที่จดจำของผู้คนเหมือนกับที่เมื่อคราว “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตผู้นำพรรค เคยสร้างปรากฎการณ์เอาไว้เมื่อครั้งเปิดตัว “พรรคอนาคตใหม่” ก่อนลงสนามเลือกตั้ง เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา ในครั้งนั้น พรรคอนาคตใหม่ เปรียบเสมือน “พลุ” ทางการเมืองที่ถูกจุดขึ้น ในเวลาเพียงพริบตา แล้วสว่างวาบ เกิดเป็นประกายไปวิบวับ โดดเด่นเหนือพรรคการเมืองเก่าที่เคยเป็น “เจ้าสังเวียน” อย่างสิ้นเชิง แต่เมื่อสถานการณ์ถูกบีบให้ต้อง “เปลี่ยน” การจัดทัพใหม่ จึงต้องเกิดขึ้น ! ! เมื่อภายหลังพรรคอนาคตใหม่ถูกคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรค สืบเนื่องมาจากคดีที่พรรคกู้เงินจากธนาธร อดีตหัวหน้าพรรค จำนวน191 ล้านบาท อันถือว่าเข้าข่ายกระทำความผิดตามพ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 แต่ถึงกระนั้นชื่อของพรรคอนาคตใหม่ ยังคงฝังแน่นอยู่ในสังเวียนการเมือง ส.ส.ทั้งระบบเขตเลือกตั้ง และระบบบัญชีรายชื่อ ของอดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่รอดจากการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เหลืออยู่ทั้งสิ้น 65 คน ต่อมาย้ายไปเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทยของ “เสี่ยหนู”อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค รวม 9 ส.ส.และมีรายงานว่า จะมีอีก 1 ส.ส.ที่เตรียมย้ายไปสังกัดพรรคชาติพัฒนา ทำให้วันนี้เหลือส.ส.ทั้งสิ้น 55 คน ที่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะว่าที่หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำมาร่วมแถลงข่าวประกาศจุดยืนทางการเมือง ว่าในสัปดาห์นี้ ส.ส.ทั้งหมดจะเข้าสู่กระบวนการ เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลอย่างเป็นทางการ แน่นอนว่า แม้ส.ส.ที่ยังปรากฎตัวเลข 55 คน จะยังมีเวลาที่จะการหาพรรคใหม่เข้าสังกัดภายใน 60 วันนับจากวันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันศุกร์ที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา หมายความว่ายังเหลือระยะเวลาไปจนถึงราวกลางเดือนเม.ย.ซึ่งจะครบกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายพรรคการเมืองระบุเอาไว้ก็ตาม แต่อย่าลืมว่าหาก “ธนาธร”และ “กุนซือ” ของอดีตพรรคอนาคตใหม่ ไม่เร่งเดินเกม เข้าสู่กระบวนการหาบ้านใหม่แล้วพาส.ส.ที่เหลืออยู่เข้าสังกัดอย่างเป็นทางการ ให้จบสิ้นกระบวนความทางกฎหมายแล้ว โอกาสที่จะพรรคก้าวไกล จะเหลือส.ส.เข้าสังกัดอาจไม่ครบ 55 คน !! ภาระที่อยู่บนบ่าของ พิธา ว่าที่หัวหน้าพรรคคนใหม่ นาทีนี้จึงไม่ใช่แค่เพียงการนำส.ส.ทั้ง 55 คนเข้าสังกัดบ้านใหม่โดยเร็ว ก่อนที่จะถูก “ดึงตัว” ไปเข้าสังกัดพรรคการเมืองอื่น ๆโดยเฉพาะในไลน์ พรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น หากแต่พิธา เองยังต้องเร่งเรียกความเชื่อมั่น จุดพลุทางการเมืองให้กับพรรคก้าวไกล เพื่อตอกย้ำว่าพรรคจะสานต่ออุดมการณ์เดิมของพรรคอนาคตใหม่ ที่เคยวางเอาไว้แต่ยังไม่ทันสำเร็จได้อย่างไร ทั้งการเดินหน้าต่อต้านรัฐประหาร การยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ไปจนถึงการตรวจสอบกองทัพในมิติต่างๆ ควบคู่ไปกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ให้ลุล่วง เพราะวันนี้คำถามที่กลับมาทิ่มแทงใจพิธา ยังผูกติดกับประเด็นที่ว่า พรรคจะโดนยุบซ้ำสองได้อีกหรือไม่ ? สถานการณ์ของพรรคก้าวไกล วันนี้ต้องถือว่ายังอยู่ในห้วง “สุญญากาศ” เพราะส.ส.ทั้ง 55 คนยังมี “โอกาส” ในการที่จะ “ คิด” และ “ตัดสินใจ” ไปจนกว่าพวกเขาจะดำเนินการสมัครเข้าเป็นสมาชิกของพรรคก้าวไกล ครบถ้วนกระบวนการตามกฎหมาย จังหวะนี้อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ ทั้งสิ้น ดีไม่ดีจะเหลือส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ตาม พิธา ไปกี่คน !?