5 มีนาคม 2563 “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ปรับโหมด เปิดแนวรุกใหม่ ด้วยการเปิดแคมเปญซีรีส์ “มีปัญหา ปรึกษานายกฯ” เปิดทำเนียบรัฐบาลเพื่อรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชนโดยตรง โดยมี ตัวแทนกลุ่มเกษตรกร ตัวแทนประชาชน และตัวแทนผู้ประกอบการอิสระ เข้าหารือกับนายกฯ จากนั้นจะนำเสียงสะท้อนที่ได้รับ ไปประมวลออกมาเป็นมาตรการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน โดยมี พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ทำหน้าที่เป็นมือประสานพร้อมเข้าร่วมพูดคุย ขณะเดียวกันยังพบว่ามีความเคลื่อนไหวจาก “มือทำงาน” ที่สภาผู้แทนราษฎร ของพรรคพลังประชารัฐ ที่มีความพยายามใช้กลไกในมือที่มีอยู่อย่าง คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เตรียมดึง “ข้อเรียกร้อง” ของ “แฟลชม็อบ” ในประเด็นที่ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เข้าสู่ คณะอนุกรรมาธิการฯ เพื่อให้ “กลุ่มนักศึกษา” เข้ามามีบทบาทโดยตรงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การปรับแนวรบ ของฝ่ายรัฐบาลเพื่อลดแรงปะทะในยามที่ต้องทุ่มเท ทุกสรรพกำลังไปเพื่อ “วาระสำคัญ” อย่างการหาทางป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กลายเป็นเรื่องเร่งด่วน มีประชาชน และบุคลากรทางการแพทย์ต่างได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า อีกทั้งล่าสุดรัฐบาลยังต้องหาทางรับมือกับกรณี “ผีน้อย” แรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ พากันทยอยเดินทางกลับไทย เพื่อหนีจากการระบาดของโควิด-19ที่เกาหลี ซึ่งล่าสุดได้เกิดปัญหาเมื่อบรรดาแรงงานไทยกลุ่มดังกล่าว ไม่ยอมกักตัวเองที่บ้านพัก เพื่อสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน แต่กลับไปใช้ชีวิตออกนอกบ้านร่วมกับคนทั่วไป ส่งผลทำให้สังคมเกิดความตระหนก และแตกตื่น ไปจนถึงโอกาสที่จะเกิดปัญหา “ล่าแม่มด” ตามมา นั่นคือการที่ผีน้อย ถูกติดตามไล่ล่าจากสังคม ในรายที่ไม่ยอมกักตัวเองเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม อย่างไรก็ดี สำหรับรัฐบาล ของพล.อ.ประยุทธ์ แล้วการรับมือกับแนวรบทั้งการเมือง ทั้งในและนอกสภาฯ ไปจนถึงสถานการณ์ที่สังคมกำลังแตกตื่นกำลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพราะนี่คือวาระเร่งด่วนที่ต้องอาศัยการแก้ปัญหาแบบบูรณาการร่วมกันจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้เมื่อรัฐบาล ไปจนถึงกระทรวงต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ปัญหา กำลังถูกโจมตี โดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงการวางมาตรการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมทั้งการหาทางแก้ปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัย ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เมื่อกลไกในมือของรัฐบาล มีด้วยกันหลายทาง หลายรูปแบบ ทั้งงานฝ่ายนิติบัญญัติ ด้วยมีการคณะกรรมาธิการฯ ต่างงๆทำหน้าที่รับมือกับ “การเมืองนอกสภาฯ” แล้วดึงให้เข้าสู่เกมในสภาฯ ถือเป็นการปิดสวิตช์ ไม่ให้แนวร่วมของอดีตพรรคอนาคตใหม่ได้มีโอกาส “ขยายแผล” จนทำให้รัฐบาลไม่เป็นอันได้ทำงาน และเมื่อล่าสุด การเปิดทำเนียบฯเพื่อรับฟังความเดือดร้อนของประชาชน ภายใต้แคมเปญ “มีปัญหา บอกนายกฯ” จากนี้ไปจะนำมาซึ่งผลบวกหรือลบก็ตาม แต่นาทีนี้ หากสนามไหน ถ้ารัฐบาลเป็นฝ่าย “กำหนดเกม” ย่อมมีโอกาสที่จะทำแต้ม ลุ้นเรทติ้ง ได้มากกว่า !