พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในงานศิลปาชีพประทีปไทย otop ก้าวไกลด้วยพระบารมี ครั้งที่ 5 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานีเมื่อวันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม ศกนี้ว่า จะต้องทำบ้านเมืองให้มีความสงบเรียบร้อย ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนตัว ต้องใจเย็นที่สุด และขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในตนเอง และมีความศรัทธาต่อประเทศชาติบ้านเมือง รวมถึงอยากให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้และทำเพื่อประเทศไทย
ขอให้สถานการณ์ความรุนแรงในช่วงสามวันที่ผ่านมานี้ ถือเป็นฝันร้ายที่ไม่ต้องฝันหรือเกิดขึ้นอีก ทั้งนี้ส่วนตัวไม่เคยต้องการอำนาจใดๆทั้งสิ้น และขออย่าให้เพิ่มปัญหาให้มากกว่าเดิม อีกทั้งส่วนตัวไม่ละเมิดหรือทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
นี่เป็นการแสดงออกท่าทีที่เหมาะสมสำหรับผู้นำประเทศ ด้านหนึ่งเรียกร้องให้ทุกฝ่ายทำเพื่อประเทศชาติ อีกด้านหนึ่งยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์จริง ก็ต้องมีความเด็ดขาดในการตัดรากถอนโคนกลุ่มก่อวินาศกรรมวางระเบิดทำลายชาติด้วย
การวางระเบิดอย่างเป็นขบวนการรอบนี้ บ่งชี้ว่า มีฝ่ายตรงข้ามที่ต้องการทำลายรัฐบาลนี้ “กลุ่มนี้” เป็นใคร ? รัฐบาลต้อง “รู้” ให้ได้
เพราะหนึ่ง รัฐบาลต้องป้องกันรักษาตัวเอง เป็นสิทธิ์ทีชอบธรรมที่รัฐบาลจะป้องกันตนเอง และสองรัฐบาลต้องพิทักษ์รักษาความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งนี้เป็นสิทธิ์ที่ชอบธรรมยิ่ง รัฐบาลมีสิทธิ์อันชอบธรรมนี้จัดการกับผู้ทำลายชาติและประชาชน ถ้ารัฐบาลทำไม่สำเร็จ นั่นก็เป็นสัญญาณอันตรายสำหรับรัฐบาลเองแล้ว
เพราะหนึ่ง รัฐบาลต้องป้องกันรักษาตัวเอง เป็นสิทธิ์ทีชอบธรรมที่รัฐบาลจะป้องกันตนเอง และสองรัฐบาลต้องพิทักษ์รักษาความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งนี้เป็นสิทธิ์ที่ชอบธรรมยิ่ง รัฐบาลมีสิทธิ์อันชอบธรรมนี้จัดการกับผู้ทำลายชาติและประชาชน ถ้ารัฐบาลทำไม่สำเร็จ นั่นก็เป็นสัญญาณอันตรายสำหรับรัฐบาลเองแล้ว
เพราะปรากฏการณ์ต่าง ๆ บ่งชี้ว่า ฝ่ายตรงข้ามที่ต้องการทำลายรัฐบาลยังไม่ล้มเลิกความคิด และสามารถใช้ทุกวิธีการ แม้กระทั่งการวางระเบิดฆ่าคนบริสุทธิ์
เมื่อการวางระเบิดฆ่าคน วางระเบิดเพลิงเผาตึกเผาตลาด ทำได้ง่าย ๆ และปลอดภัยจับคนร้ายไม่ได้ คนร้ายก็จะย่ามใจ แล้วกระทำรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เป้าการวินาศกรรมจะใหญ่ โตขึ้นเรื่อย ๆ
น่าคิดว่าการเปลี่ยนแปลงความคิด โน้นน้าวให้กลุ่มที่คิดทำลายรัฐบาลเลิกใช้คิดทำลายรัฐบาล จะสำเร็จ บรรลุผลจริงหรือไม่ ?
รัฐบาลจึงจำเป็นต้องใช้สิทธิ์อันชอบธรรมที่จะปราบปรามกลุ่มที่ใช้วิธีการผิดกฎหมายก่อวินาศกรรมเพื่อป้องกันและรักษาความสงบความลอดภัยของประชาชน และก็มีสิทธิ์ตอบโต้ทางแนวคิดกับกลุ่มที่ใช้การต่อสู้ทางความเชื่ออย่างไม่ผิดกฎหมาย นั่นคือใช้ “บู๊” กับพวกที่ทำผิดกฎหมาย ใช้ “บุ๋น” กับการต่อสู้ทางความคิด
ทั้งนี้รัฐบาลจะต้องปรับปรุง ยกระดับพัฒนาการงานด้านนี้ให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก เพราะปรากฏการณ์ยืนยันว่า ฝ่ายตรงข้ามที่ต้องการทำลายรัฐบาลนั้น มีการพัฒนา ยกระดับการเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง
การก่อวินาศกรรมวางระเบิดชุดแรกนี้ อาจจะไม่ใช่ฝันร้ายครั้งสุดท้าย ถ้ารัฐบาลไม่ยกระดับพัฒนาในงานทั้งด้าน “บุ๋น” และด้าน “บู๊”