วันนี้ (28 ก.พ.63) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีกำหนดโหวตลงมติ “6รัฐมนตรี” ว่าจะให้ความไว้วางใจหรือไม่ กันในช่วงเช้า แต่กว่าที่จะมาถึงการลงมติ นั้นอย่าลืมว่า “ผู้จัดการรัฐบาล” อย่าง “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และในฐานะประธานยุทธศาสตร์ พรรคพลังประชารัฐ ต้องบริหารจัดการ “จัดระเบียบ” ทุกเสียงที่อยู่ในปีก “พรรคร่วมรัฐบาล” ให้มั่นใจได้ว่า รัฐมนตรีทั้ง 6 คนในรัฐบาลจะต้องได้รับเสียงโหวตไว้วางใจ เกินกึ่งหนึ่ง นั่นคือ 245 เสียง ทุกคน ! พรรคร่วมรัฐบาล ที่มีอยู่ในมือถึง 20 พรรค น่าจะทำให้ทั้ง “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร หรือ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลดความกังวลใจไปได้ไม่น้อย และยิ่งเมื่อไล่เรียงสถานการณ์และความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นตลอดหลายวันที่ผ่านมา จะพบว่ามีส.ส.จากอดีตพรรคอนาคตใหม่ พากันย้ายค่าย กันอย่างต่อเนื่อง ที่เปิดตัวเห็นกันชัดๆ คือ “9 ส.ส.” จากอดีตพรรคอนาคตใหม่ที่ไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย พร้อมประกาศตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งแน่นอนว่า 9 เสียงที่มาใหม่จากอดีตพรรคอนาคตใหม่ จะเข้ามาเพิ่มเสียงโหวตไว้วางใจให้กับฝั่งรัฐบาลจะออกมาในทิศทางที่เรียกว่า ได้รับเสียงโหวตไว้วางใจชนิด “ผ่านฉลุย” ตัวเลขน่าจะเกินกว่าเสียงส.ส.กึ่งหนึ่งในสภาฯ เกินกว่า 30 เสียงด้วยซ้ำ ! อย่างไรก็ดี การลงมติไว้วางใจรัฐมนตรีทั้ง 6 คนในวันนี้ ไล่เรียงตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ , พล.อ.ประวิตร , พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย , ดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ , วิษณุ เครืองาม รองนายกฯและร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ แม้ว่าจะออกในทิศทางที่ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล แต่ใช่ว่า “ผู้จัดรายการรัฐบาล” อย่าง พล.อ.ประวิตร จะไม่ต้องบริหารจัดการ “ความสัมพันธ์” ระหว่าง พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์เองว่าการลงมติโหวตไว้วางใจ วันนี้ จะมีรายการอะไรให้เซอร์ไพรซ์หรือไม่ ? ยิ่งก่อนหน้านี้ พรรคประชาธิปัตย์เองได้รับเสียงเตือนจาก “บิ๊ก” ในรัฐบาลมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง จนทำให้แกนนำในพรรคพลังประชารัฐ เกิดความไม่พอใจด้วยกันหลายคน เพราะมองว่า พรรคประชาธิปัตย์ กำลังเล่นเกมการเมือง จงใจสร้างความปั่นป่วน ด้วยการส่ง “เทพไท เสนพงศ์” ส.ส.นครศรีธรรมราช ออกมากระทุ้งรัฐบาล อยู่หลายต่อหลายครั้ง จนเกิดเป็น “ฝ่ายแค้น”ในรัฐบาล สถานการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ อาจไม่ได้อยู่ภาวะที่ดีนัก หากนำไปเปรียบเทียบกับการเติบโตชนิดก้าวกระโดดของพรรคภูมิใจไทย ของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคที่เพิ่งเปิดพรรคต้อนรับสมาชิกใหม่ด้วยกันถึง 9 ส.ส.จากอดีตพรรคอนาคตใหม่ ทำให้พรรคภูมิใจไทยกลายเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่โตพรวดขึ้นมาเป็นพรรคอันดับ 2 ต่อจากพรรคพลังประชารัฐ โดย ณ วันนี้มีเสียงส.ส.ในมือถึง 61เสียง ส่วนพรรคประชาธิปัตย์มีเพียง 52 เสียง ท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลถูกจับตามาโดยตลอด ว่าจากปัญหาภายในพรรค ได้ปะทุลุกลามออกไปภายนอก และกลายเป็นเรื่องยากที่ “หัวหน้าพรรค” คือ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์” รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ จะควบคุมได้อย่างเบ็ดเสร็จ แต่เมื่อวันนี้ อย่าลืมว่า แม้นายกฯและรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐ ต้องอาศัยเสียงโหวต 52 เสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็ตามที แต่ใช่ว่า หลังจากนี้ หากพรรคประชาธิปัตย์ เล่นนอกเกม เสียงโหวตที่ออกมาไม่เป็นเอกภาพแล้ว จะไม่เจอกับรายการ “ย้อนศร” ในการปรับครม.ตามมา !