เสียงปี่ เสียงกลองดังขึ้นที่นอกเวทีสภาผู้แทนราษฎร อย่างต่อเนื่อง แถมยังกลายเป็นความเคลื่อนไหวที่กำลังเปิดหน้ารบกันอยู่ แค่ 2 พรรคการเมืองใหญ่ คือ “พรรคพลังประชารัฐ” ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล กับ “พรรคเพื่อไทย” ที่ยืนอยู่ในมุมของ “ฝ่ายค้าน”
ขณะที่พรรคการเมือง อื่นๆทั้งฝ่ายค้านและฟากพรรคร่วมรัฐบาล อื่นๆต่างอยู่ในสถานะ “วงนอก” ด้วยกันแทบทั้งสิ้น
ด้วยเหตุที่ไม่มี “รัฐมนตรี” ของพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่น มีชื่อถูกอภิปราย นอกเสียจากรัฐมนตรี ที่ยึดโยงกับพรรคพลังประชารัฐ โดยมีเป้าหลักอยู่ที่ “3ป.” คือ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม , “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ , วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ดังนั้นจึงจะเห็นว่า “ภาระหนัก” จึงตกมาอยู่ที่พรรคพลังประชารัฐ เพียงลำพัง ที่ต้องตั้งทีมองครักษ์พิทักษ์ “ 6รัฐมนตรี” โดยเฉพาะ “3 ป.” ไม่ให้ถูกฝ่ายค้านรุมยำในกลางสภาฯ
แต่ถึงกระนั้น ใช่ว่าการรับมือของพรรคพลังประชารัฐจะวางเกมการเล่นเอาไว้ในสภาฯเท่านั้น เพราะต่างรู้ดีว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ ไม่มีทางที่ “พรรคฝ่ายค้าน” จะ “ล้ม”รัฐบาลลงไป แต่สิ่งที่ต้องการเห็นคือการตีรัฐบาล ให้ช้ำมากที่สุด จากนั้นจึงค่อยไป “ขยายผล” กันต่อที่นอกสภาฯ
และดูเหมือนว่า “แผนการเล่น” ของพรรคพลังประชารัฐ ไม่แตกต่างไปจาก “พรรคเพื่อไทย” เท่าใดนัก โดย “เงื่อนไข” ที่บีบให้ทั้ง 2 พรรคต้องวางเกมทั้งในและนอกสภาฯเช่นนี้ มาจากปัญหาที่พรรคเพื่อไทยและพลังประชารัฐ เองต่างมีมือไม้ทำงาน “ขุนพลตัวจริง” อยู่ภายนอกสภาฯเหมือนกัน
โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยเอง ที่แม้จะเป็น “พรรคหลัก” ในการขับเคลื่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ปัญหาใหญ่คือการที่ “มวยหลัก” นักการเมืองตัวจริงที่โดดเด่น แทบไม่ได้อยู่ในสภาฯ ต่าง พากันสอบตกยกแผง จึงทำให้พรรคเพื่อไทยและอีก 5 พรรคฝ่ายค้านถูกรัฐบาลปรามาส เรื่อยมา ว่าศึกอภิปรายฯรอบนี้ไม่มี “มวยรุ่นใหญ่” ที่จะทำให้รัฐบาลต้องตกอกตกใจ
ภาพสะท้อนที่กำลังเกิดในยามนี้ คือการที่ 2พรรคใหญ่ ทั้งพรรคพลังประชารัฐ กับพรรคเพื่อไทย คือการที่ “มวยรุ่นใหญ่” ไซด์เฮฟวี่เวท ทั้งคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ , เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกิจการพิเศษ ทำหน้าที่เป็นเทรนเนอร์ และในวันนี้มีรายงานข่าวว่า พรรคจะเชิญคุณหญิงสุดารัตน์มาเป็น “ติวเตอร์” ซักซ้อมให้กับส.ส.ที่จะทำหน้าที่ไปเปิดศึกในสภาฯ
ทางด้าน พรรคพลังประชารัฐเอง แม้จะประกาศข่มนาม ฝ่ายค้านด้วยการขู่ชนิดรายวันว่า หากฝ่ายค้านเล่นนอกเกม ชกใต้เข็มขัด สิ่งที่จะตามมาคือการ ถูกถล่มนอกสภาฯ โดยวอร์รูมนอกสภาฯ ที่ตั้งขึ้นมาเป็นการเฉพาะกิจ รวบรวมบรรดา “อดีตส.ส.”และนักการเมืองที่ล้วนแล้วแต่เคยอยู่ในพรรคเพื่อไทย
มิหนำซ้ำยังเคยมี “นายเก่า” ที่ชื่อ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” และ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ด้วยกันมาแล้วก็ตาม
แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ สิ่งที่ “3ป.”ต้องรับมือคือเกมในสภาฯ ซึ่ง “ขุนพลตัวจริง” ก็ไม่สามารถเข้ามาตอบโต้แทนได้ เช่นเดียวกับที่ เฉลิมและคุณหญิงสุดารัตน์ ไม่ว่าจะ “ติวเข้ม” ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยแค่ก็ตาม แต่เมื่อต้องบัญชาการเกมอยู่นอกสภาฯ ก็แทบไม่มีอะไรง่ายดายดังใจนึก !