ก่อนจะถึงวันอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะดีเดย์วันจันทร์ที่ 24 ก.พ.63 นั้นต้องยอมรับว่าบรรยากาศทางการเมืองได้กลับเข้าสู่โหมดของความคึกคักขึ้นมาทันตาเห็น ! โดยเฉพาะในฟาก “พรรคพลังประชารัฐ” เองที่ต้องตระเตรียมรับมือเป็นหลัก เนื่องจาก “ญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ” ที่ประกอบด้วย “6 รัฐมนตรี” ก็เป็นคนของพรรคพลังประชารัฐล้วนๆ เหมือนว่าพรรคฝ่ายค้านจงใจ โดดเดี่ยว พรรคพลังประชารัฐ สกัดไม่ให้ “พรรคร่วมรัฐบาล” ยื่นมือเข้ามช่วยเหลือ ไล่เรียงมาที่เบอร์หนึ่ง ซึ่งมีชื่อติดโผตั้งแต่ยังไม่ทันได้ร่างญัตติ จึงไม่พ้น “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ “หัวหน้ารัฐบาล” ต่อมาคือ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี , “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย , ดอน ปรมัตถ์วินัย เจ้ากระทรวงบัวแก้ว , วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ในฐานะ “มือกฎหมายรัฐบาล” และปิดท้ายที่ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ หมายความว่า งานนี้พรรคพลังประชารัฐต้องอยู่ในฐานะ “รับศึกหลายทาง” ในคราวเดียวกัน เมื่อ “ศึกนอก” ที่อยู่ในสภาฯ คือ พรรคฝ่ายค้านที่รอถล่มกลางสภาฯ ส่วน “ศึกใน” คือการหาทางบริหารจัดการ “พรรคร่วมรัฐบาล” ทั้งหมดที่ร่วมลงเรือลำเดียวกัน ว่าแสดงน้ำใจ ในยามศึกนอกประชิดครั้งนี้อย่างไร ? ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการใช้กลยุทธ์เปิดประเด็นว่าด้วยเรื่อง “ปรับครม.” ขึ้นมาเขย่าพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อกดดันให้ทุกพรรค อย่าโดดเดี่ยว พลังประชารัฐ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ตัว “บิ๊กตู่” ก่อนวันระเบิดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจในสัปดาห์หน้า กลับมีความเคลื่อนไหวจาก “แกนนำ”ของพรรคพลังประชารัฐอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดทัพเพื่อ “ส่งซิก”ไปยังฝ่ายค้านว่า มี “วอร์รูมนอกสภาฯ” ที่พร้อมถล่มกลับไปยัง “พรรคเพื่อไทย” ไปจนถึง “เจ้าของพรรคตัวจริง” ที่อยู่ในต่างแดน รวมทั้งยังน่าสนใจว่า นี่ยังถือเป็นการโชว์ฝีมือของแกนนำแต่ละก๊วนในพลังประชารัฐ ไปในคราวเดียวกัน ว่า “ใคร” มีศักยภาพมากน้อยแค่ไหน ? นอกจากนี้ไฮไลต์ของพรรคพลังประชารัฐก่อนดีเดย์วันเปิดศึกซักฟอกยังถูกจับจ้องไปยังการจัดสัมมนาส.ส.ของพรรคในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ระหว่างวันที่ 22-23 ก.พ. ที่พัทยา โดยมีรายงานว่า บิ๊กป้อม ในฐานะ “ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ”นั้นจะไปปรากฎตัวแน่นอน เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ อีกทั้งยังถือเป็นการใช้โอกาส “เช็คเสียง” เช็คความพร้อมภายในพรรคพลังประชารัฐ ว่า นอกจากจะห้ามแตกแถวในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจกันแล้วนั้น บรรดา “องครักษ์” ที่ได้ถูกวางตัว วางคิวเอาไว้เพื่อสนับสนุนการชี้แจงของพล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีอีก 5 ราย จะต้องทำงานอย่างขันแข็ง เข้มข้น ไม่เปิดช่องให้ “ฝ่ายค้าน” โจมตีกันกลางสภาฯได้ง่ายดาย อย่างไรก็ดี ล่าสุดมีความชัดเจนแล้วว่าในการสัมมนาของพรรคพลังประชารัฐที่พัทยารอบนี้ จะไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปร่วมด้วยแต่อย่างใด โดยนายกฯให้เหตุผลว่า “งานล้นมือ” “ เป็นเรื่องของคณะกรรมการทางการเมืองที่เขาทำอยู่แล้ว ซึ่งผมเองมีงานที่ต้องทำอยู่ทั้งวันที่ทำเนียบรัฐบาล เรามีงานเยอะ เราก็ต้องเตรียมการของเรา และเราก็คิดว่าเราอธิบายได้ให้คนเข้าใจ ถ้าคนไม่เข้าใจก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน” (17 ก.พ.63) หมายความว่า ในงานเลี้ยงสัมมนาของส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จะไร้เงาของพล.อ.ประยุทธ์ อย่างแน่นอน ซึ่งส่วนหนึ่งมีความเป็นไปได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต้องการพาตัวเองตกไปเป็น “เป้านิ่ง” ให้กับฝ่ายค้าน ให้ตัวเองถูกตั้งคำถาม เพราะอย่าลืมว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีสถานะ หรือตำแหน่งทางการใดๆ ในพรรคพลังประชารัฐ สักที่นั่งเดียว ! งานนี้ ภาระใหญ่จะตกเป็นของ “พี่ใหญ่” อย่างบิ๊กป้อม ที่ต้องทำหน้าที่ในฐานะ “ผู้จัดการรัฐบาล” ทั้งปลุกขวัญกำลังใจให้กับคนของพรรคพลังประชารัฐ ไปจนถึงการเชื่อมโยงกับ ทุกพรรคร่วมรัฐบาลให้ อยู่ในแถว โดยเฉพาะเมื่อถึงวันโหวตลงมติไว้วางใจ รัฐมนตรีเป็นรายบุคคล !