นับถอยหลัง เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน “ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ” จะระเบิดขึ้น ที่สภาผู้แทนราษฎร และยังเป็นการซักฟอกรัฐบาลในจังหวะที่ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำลังเจอกับสารพัดปัญหา ทั้งในฐานะ “ผู้นำรัฐบาล” และในฐานะ “สนามไชย1” ด้วยเป็นเจ้ากระทรวงที่คุมกระทรวงกลาโหม อันรวมไปถึง “กองทัพบก” หน่วยงานสำคัญที่กำลังตกเป็น “จุดโฟกัส” ของการตรวจสอบเรื่องราวภายใน โดยคิวการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้วางเอาไว้ระหว่างวันที่ 24- 26 ก.พ.63 ที่ “6พรรคฝ่ายค้าน” จะได้ใช้โอกาสทั้ง 3 วันในการชำแหละการบริหารงานของรัฐบาล “ประยุทธ์ 2/1”ภายหลังจากที่นั่งบริหารงานมากกว่า 6 เดือน ด้วยการจับทั้งตัว นายกฯ กับอีก “5 รัฐมนตรี” ซักฟอก ชี้ให้สังคมได้เห็นถึงข้อด้อย และจุดอ่อนก่อนที่จะปิดสมัยประชุมสภาฯ ในช่วงปลายเดือนนี้ พอดิบพอดี แต่ดูเหมือนว่า ก่อนจะถึงวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ “พรรคพลังประชารัฐ” ได้จัดทัพใหญ่เพื่อเตรียมเอาไว้รับมือด้วยการตั้งทีมลุยกับฝ่ายค้าน ทั้งในและนอกสภาฯ โดยมี “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” ในฐานะเลขาธิการพรรค ต้องออกโรง ขับเคลื่อนจัดทัพ เตรียม “ขุนพล” นัยว่าเพื่อ “ซักฟอกกลับ” สวนหมัดไปยัง พรรคฝ่ายค้านที่ยังเหลืออยู่ ณ ปัจจุบัน คือ “6 พรรค” แต่กว่าที่จะถึงวันอภิปรายฯ ยังต้องรอลุ้นกันอีกช็อตว่า พรรคอนาคตใหม่ จะรอดได้อยู่ต่อ โดยไม่ถูก คำวินิจฉัยให้ “ยุบพรรค” ไปเสียก่อนถึงวันอภิปราย การแถลงข่าวตั้งทีม “วอร์รูมนอกสภาฯ” เพื่อเตรียมข้อมูลให้กับรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายฯ ทั้งสิ้น 6 คนรวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมานั้นน่าสนใจว่าเมื่อดูจากโฉมหน้าของบรรดาองครักษ์ ที่มาร่วมเปิดตัวครั้งนี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นอดีตส.ส.และอดีตแกนนำของพรรคเพื่อไทย พรรคการเมืองที่เคยสังกัดอยู่ใน ขั้วอำนาจของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ด้วยกัน “26 คน” เลยทีเดียว หมายความว่าในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้านั้น จึงไม่ต่างไปจากการที่พรรคพลังประชารัฐใช้วิธี “ย้อนศร” เอาหนามบ่งหนาม ด้วยการใช้คนที่อยู่ เคยร่วมรบ และเคยรับรู้ ทุกความเป็นไปมาต่อกรกับ บรรดาฝ่ายค้าน ทั้ง6พรรคในสภาฯ ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่เป็น ส.ส.และอดีตแกนนำของพรรคเพื่อไทย ไปจนถึงพรรคพลังประชาชน รวมทั้งบ้าง บางคนก็เคยอยู่กับอดีตนายกฯทักษิณ มาตั้งแต่คราวทำพรรคไทยรักไทย ดังนั้นโอกาสที่ “เรื่องราว” ของ “2 อดีตนายกฯ” ทั้ง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” และทักษิณ จะถูกนำมาเปิดกันกลางสภาฯเพื่อ “ถล่มกลับ” ไปยังฝ่ายค้าน เพราะหาก พล.อ.ประยุทธ์ คือ “หัวใจ” ของพรรคพลังประชารัฐ และรัฐบาล ทั้ง “ยิ่งลักษณ์ -ทักษิณ” ก็จะอยู่ในสถานะที่ไม่แตกต่างกันว่า พรรคเพื่อไทยจะปล่อยให้ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล สวนกลับด้วยการโจมตีไปถึง “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ”ไม่ได้เช่นกัน ! อย่างไรก็ดี นัยยะแห่งการตั้งกำแพงปกป้อง ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ไปจนถึง “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในครั้งนี้ยังเป็นการ “แสดงฝีมือ” ของ “เลขาธิการพรรค” อย่างสนธิรัตน์ ในการบริหารงานการเมืองไปในคราวเดียวกัน เพราะอย่าลืมว่า ก่อนหน้านี้เคยมีกระแสบีบให้ปลด สนธิรัตน์ พ้นจากเก้าอี้ เลขาฯพรรคแล้ว ดังนั้นศึกซักฟอกรอบนี้ จึงมีนัยยะสำคัญต่ออีกหลายคน หลายกลุ่ม หลายขั้ว ไม่ว่าจะเป็น “ฝ่ายค้าน” หรือ “รัฐบาล”เอง !