โรคปอดอักเสบอู่ฮั่น หรือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่องค์การอนามัยโลก หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ โควิด-19 (COVID-19) แล้ว ด้วยเหตุผลต้องการเลี่ยงใช้ชื่อสถานที่ ชื่อสัตว์ ชื่อที่อ้างถึง บุคคล หรือกลุ่มบุคคล ชื่อใหม่ยังทำให้ออกเสียงง่าย และมีความเกี่ยวข้องกับโรค ที่ทำให้คนนึกถึงเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ทันที
ทั้งนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดอย่างหนักในประเทศจีน และอีก 27 ประเทศรวมถึงประเทศไทย โดยข้อมูล กระทรวงสาธารณสุขของไทย ยืนยันมีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 33 ราย แพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 1 ราย ทำให้มียอดคงเหลือผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 22 ราย และกลับบ้านได้แล้วรวม 11 ราย
ข้อมูลจากบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยผลสำรวจ พฤติกรรมของคนไทยกับการปรับตัวท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 และผลต่อภาคธุรกิจต่างๆ โดยมีจำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม 1,200 คน พบว่า 66% มีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ซึ่งพบผู้ติดเชื้อในประเทศไทยและอีกหลายประเทศทั่วโลก ส่งผลให้ประชาชนชาวไทยให้ความสำคัญกับการป้องกันตนเองและปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางด้านในช่วงระยะเวลานี้ที่ยังมีความไม่แน่นอนว่าสถานการณ์จะคลี่คลายเมื่อใด
ทั้งนี้ ภายใต้กรอบเวลา 1-3 เดือน ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า คนไทยจะมีภาระค่าใช้จ่ายในการป้องกันและดูแลสุขภาพผ่านการซื้อหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ คิดเป็นเม็ดเงินราว 2,200-2,500 ล้านบาท ขณะที่ การปรับพฤติกรรมของประชาชน อาจก่อให้เกิดผลทางลบต่อภาคธุรกิจต่างๆ โดยผลกระทบหลักจะตกอยู่ที่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในประเทศผ่านการเลื่อน/ชะลอการเดินทางชั่วคราวคิดเป็นมูลค่าประมาณ 13,100-17,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.0-6.5% ของรายได้ตลาดไทยเที่ยวไทยในช่วงปกติ
โดยการประเมินนี้ ยังไม่รวมผลจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศของภาครัฐ ขณะที่ผลกระทบต่อรายได้สุทธิในธุรกิจค้าปลีกและร้านอาหารในภาพรวมจากการใช้จ่ายของคนไทยอาจยังอยู่ในกรอบจำกัด คิดเป็นมูลค่าประมาณ 900-1,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.02-0.04% เมื่อเทียบกับช่วงปกติ
ทางด้านนักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน ชี้ว่าการปรับลดประมาณการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจจีนลงในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยนำปัจจัยของไวรัสโควิด-19 ซึ่งกระทบเศรษฐกิจจีนและทั่วโลกในวงกว้าง
ส่วนนักวิเคราะห์จากโนมูระ ประเมินว่า ไวรัสโควิด-19จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในช่วง 1-2 เดือนแรกของปี
อย่างไรก็ตาม นายเทโดรส อัทนัม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก กล่าวว่า ทั่วโลกควรพิจารณาหาทางรับมือการแพร่ระบาดเป็นวาระสำคัญ รวมทั้งยอมรับว่าการระบาดของไวรัสนี้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง มากกว่าการก่อการร้าย
ทั้งนี้ทั้งนั้น เราเห็นว่า ความเสียหายที่คำนวนออกมาเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจยังไม่เท่าความเสียหายทางด้านจิตใจ ที่ผู้คนตกอยูในภาวะความหวาดกลัว และวิตกกังวล กระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ทำให้ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ยิ่งอยู่นานเท่าไหร่จิตใจก็ยิ่งทรุดโทรมมากเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ไม่สามารถประเมินออกมาเป็นมูลค่าความเสียหายได้ว่าเท่าไหร่ หรือประเมินค่าไม่ได้