ก่อนถึงวันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัย “คดีเงินกู้ 191 ล้านบาท” ซึ่งมี “พรรคอนาคตใหม่”ตกอยู่ในฐานะผู้ถูกร้อง เนื่องจากพรรคได้ไปกู้เงินจาก “หัวหน้าพรรค” ของตัวเอง ที่ชื่อ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” โดยนัดหมายวันที่ 21 ก.พ.นี้ เวลา 15.00 น. กำลังถูกจับตามองทุกความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น ทั้งต่อพรรคอนาคตใหม่ ไปจนถึงพรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่าหากพรรคฝ่ายค้านอันดับสอง อย่างพรรคอนาคตใหม่ มีอันต้องหายไปจากเวทีสภาผู้แทนราษฎร ถ้ามีอันต้องถูกยุบพรรคขึ้นมาจริง ! แต่ถึงกระนั้นใช่ว่าพรรคอนาคตใหม่ จะยอมอยู่นิ่งเฉยโดยไม่หาทางต่อสู้ ดิ้นรนอย่างใด อย่างหนึ่ง ในทางตรงกันข้าม มีรายงานที่สะพัดมาก่อนหน้านี้ เป็นระยะๆแล้วว่า ได้มีการเตรียมตั้ง “พรรคใหม่” เพื่อรองรับสมาชิกพรรคทั่วประเทศเอาไว้แล้ว เพื่อป้องกัน ไม่ให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมา ทั้งการที่ส.ส.ระบบเขตเลือกตั้ง จะถูก “ดึงตัว” ไปอยู่กับพรรคการเมืองอื่นๆ โดยเฉพาะพรรคในปีกของ “พรรคร่วมรัฐบาล” จะยิ่งเป็นการเพิ่มจำนวนเสียงให้กับรัฐบาล นอกจากนี้ ยังเป็นการหาทางแก้วิกฤติไม่ให้พรรคอนาคตใหม่มีอันถึงขั้นต้องถูกลบออกไป บนเวทีการเมือง “นอกสภาฯ” ซึ่งถือเป็น ทางสู้ ทางสุดท้ายที่ “แกนนำตัวหลัก” ของพรรคอนาคตใหม่ จะมีเวทีให้เคลื่อนไหว และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือการ “ต่อกร”กับ “กองทัพ” และ “คสช.”ในภาคต่อ รูปแบบของ “รัฐบาลบิ๊กตู่” จะถูกลดทอนความแข็งแกร่งลงไปโดยปริยาย เพราะลำพังวันนี้ พลังของ “พรรคร่วมฝ่ายค้าน” ยังเหลือเพียง “6พรรคการเมือง” เมื่อพรรคเศรษฐกิจใหม่ โบกมือลา สถานะการเป็น “ ฝ่ายค้าน”ยิ่งทำให้เก้าอี้ส.ส.ของฝ่ายค้าน นับวันยิ่งหร่อยหรอลง ประเด็นที่แกนนำทั้งในพรรคอนาคตใหม่เอง ตลอดจน พรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกัน อดที่จะกังวลไม่ได้นั่นคือการที่ แม้จะมีการตั้งพรรคสำรองเพื่อเตรียมรับ คนของอนาคตใหม่แล้วก็ตาม แต่ด้วยในสถานการณ์ที่ “พรรคพลังประชารัฐ” ตลอดจนพรรคร่วมรัฐบาล “เป็นต่อ” เช่นนี้ โอกาสที่คนของพรรคอนาคตใหม่ จะย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ทั้งหมด จะเป็นจริงได้หรือไม่ ? อย่างไรก็ดีแม้ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมาเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ในวาระ 2-3 เป็นครั้งที่สองถึงจะมีอาการ “ป่วน” จนประธานในที่ประชุมต้องสั่งให้พักการประชุม ไปจนถึงให้มีการลงมติเป็นรายมาตรากันใหม่ทั้งหมด แต่ที่สุดแล้ว แกนนำฝ่ายรัฐบาล สามารถ “เคลียร์คัท” ความวุ่นวายในระหว่างทางได้เป็นผลสำเร็จ ส่งผลให้ที่ประชุมโหวตลงมติร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ63 ในวาระ 2-3 รอบที่2 ได้ชนิดผ่านฉลุย ด้วยคะแนนเสียง “257:1” นั่นหมายความว่า รัฐบาลโดยเฉพาะ พรรคพลังประชารัฐเอง จะต้องผลักดัน ให้เกมในสภาฯ ผ่านพ้นไปได้เพื่อขับเคลื่อน “วาระสำคัญ” ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ลุล่วงมากที่สุด ความแข็งแกร่งในเกมการเมือง ในสภาฯ ของพรรคพลังประชารัฐ ที่จับมือกับพรรคร่วมรัฐบาล หลายต่อหลายครั้งที่ผ่านมา กำลังจะเป็นหนึ่งในอีกหลายปัจจัยเงื่อนไขที่จะทำให้บรรส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ ต้องดีดลูกคิด แล้วคำนวณว่าการย้ายไปสังกัดพรรคการเมือง ในปีกไหน จึงจะอยู่รอดปลอดภัยมากที่สุด ส่วนพรรคใหม่ที่ตั้งขึ้นมารองรับนั้น ใครจะการันตีได้ว่า จะไม่เจอมรสุม จนมีอันต้องถูกร้องให้ยุบพรรค ซ้ำรอยเดิม !