ทีมข่าวคิดลึก หลังจากที่เปิดโอกาส ทอดเวลาให้ "คณะรักษาความสงบแห่งชาติ" ได้ชื่นชมกับผลการออกเสียงประชามติกันไปเพียงไม่กี่วัน ก็พลันเกิดรายการ"ลองของ" ทำลายความสงบสุขในบ้านเมือง ด้วยมีระเบิดเกิดขึ้นในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ตั้งแต่ค่ำคืนวันพฤหัสบดีที่ 11 ส.ค.ข้ามมาถึงวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้จากการสรุปสถานการณ์โดยกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 12 ส.ค.ระบุว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้น ใน 7 จังหวัด 17 เหตุการณ์ เป็นเหตุระเบิด13 จุด เพลิงไหม้ 4 จุด มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ส่งผลให้ทั้ง"พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. และ "บิ๊กป้อม"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ต่างพากันนั่งไม่ติด พล.อ.ประวิตร ได้เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อหารือถึงสถานการณ์โดยด่วนที่บ้านพัก มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1รอ.) ในช่วงเช้าวันเดียวกัน ขณะที่กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหน่วยงานที่มีกลไกครอบคลุมอยู่ทั่วทั้งประเทศ โดย"กฤษดา บุญราช" ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการด่วนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งให้เพิ่มความเข้มในการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่จังหวัด แน่นอนว่า เมื่อเกิดเหตุความรุนแรงขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าวันสำคัญของพี่น้องประชาชนชาวไทย จึงตามมาด้วยเสียงประณามจากหลายต่อหลายฝ่าย ต่อ "ผู้ก่อเหตุ" เพราะทำให้บ้านเมืองที่เคยอยู่ในความสงบต้องตกอยู่ในความหวาดกลัวอีกครั้ง ทั้งนี้จากการแถลงจากพล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมืองรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปว่าเหตุระเบิดป่วนเมืองครั้งนี้เป็นการก่อวินาศกรรม มาจากความความขัดแย้งในพื้นที่ ไม่ใช่การก่อการร้ายเพราะไม่มีกลุ่มใดออกมาแสดงความรับผิดชอบ อีกทั้งประเทศไทยไม่มีข้อขัดแย้งด้านดินแดน เชื้อชาติ ชนกลุ่มน้อย ศาสนา ส่วนสาเหตุแรงจูงใจ นั้นยังไม่ได้ข้อสรุปว่ามาจากเรื่องใด แต่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชาย แดนภาคใต้ ขณะที่ฝ่ายการเมืองเองกลับมีบางฝ่ายประเมินว่าเหตุระเบิดป่วนเมืองที่เกิดขึ้นนั้นมีความเชื่อมโยงกับ"การเมือง" อย่างแน่นอน โดยเฉพาะการออกมาฟันธงของ "ถาวรเสนเนียม" แกนนำ กปปส. ที่ระบุว่ามาจากความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2549 รวมทั้งยังมาจากการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ และเห็นชอบคำถามพ่วงเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา มีเป้าหมายเพื่อหวัง "ดิสเครดิต" คสช. แทบไม่ต้องสงสัย พร้อมกันนี้ ยังส่งสัญญาณไปยังพี่น้องชาว กปปส. ให้ช่วยกันสอดส่องความไม่ชอบมาพากลในพื้นที่ ทางฝ่ายพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง ต่างออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าพวกเขาไม่เกี่ยวข้องใดๆในเหตุการณ์ความรุนแรงครั้งนี้ เช่นกัน! การถูกลองของจาก"มือมืด"ด้วยการใช้ระเบิดและการเผาทำลายสถานที่บางแห่ง ในหลายจังหวัดทางภาคใต้ตอนบนเช่นนี้นั้น ไม่ว่าจะเป็นฝีมือของใครก็ตาม แต่ดูเหมือนว่า"ผลกระทบ" ที่เกิดขึ้นนั้นกลายเป็นวงกว้างทั้งต่อความเชื่อมั่นที่รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องหาทางเร่งกอบกู้ให้คืนกลับมาโดยเร็ว ต้องไม่ลืมว่านานาประเทศกำลังเฝ้ามองทุกความเป็นไปในบ้านเรา และเคยมีการแจ้งเตือนพลเมืองของตนเองที่อยู่ในประเทศไทย ตั้งแต่ก่อนช่วงของการลงประชามติไว้แล้ว !