กว่าจะถึงบทสรุปสุดท้าย ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล จะวางกรอบเอาไว้ที่ 3วันคือระหว่างวันที่ 24-26 ก.พ.63นี้ จากนั้นให้ไปลงมติโหวตลงคะแนนให้กับรัฐมนตรีที่ถูกยื่นญัตติซักฟอกกันในวันที่ 28 ก.พ.นี้ ก็ทำเอาทั้ง “ฝ่ายค้าน” และ “รัฐบาล” ต้องออกแรง ถกเถียงกันอย่างหนัก เพราะต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมเสียเปรียบกันกลางสภาผู้แทนราษฎร เมื่อความชัดเจนในวาระซักฟอก ถูกกำหนดออกมาว่า ฝ่ายค้านจะได้เวลา 3 วัน และแม้จะพยายามขอขยายวันอภิปราย แต่ดูเหมือนว่า ฟากรัฐบาลเอง ที่มีทั้งตัวแทน “วิปรัฐบาล” และจากครม.ไม่ยอมถอยให้ไปมากกว่านี้ นั่นหมายความว่า ศึกซักฟอกได้ปักหมุดกันเอาไว้แล้วในห้วงสัปดาห์สุดท้าย ส่งท้ายวันปิดสมัยประชุมสภาฯ ในวันที่ 28 ก.พ.อันเป็นวันโหวตลงคะแนน ไว้วางใจ “6 รัฐมนตรี” ความเคลื่อนไหวทางการเมือง ในระหว่างนี้ดูเหมือนว่า ความเข้มข้นจะเทน้ำหนักไปที่ฟากรัฐบาล อย่างเห็นได้ชัด ทั้งใน “กลุ่มสามมิตร” ที่นัดหมายรับประทานอาหารที่โรงแรมสุโกศล ถนนศรีอยุธยา โดยมี “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี ร่วมมื้อเที่ยงกับ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรมและแกนนำพรรค รวมทั้ง “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว. อุตสาหกรรม กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เรียกว่าเป็นการนัดหมายที่พร้อมหน้าพร้อมตาทั้ง “3ส.” การพบกันนอกรอบ ที่โรงแรมสุโกศล กลุ่มสามมิตรครั้งนี้ได้ถูกจับตาอย่างหนัก ว่านี่คือการส่งสัญญาณหรือ “แสดงพลัง” อย่างใดอย่างหนึ่ง รักษาที่อยู่ที่ยืนตำแหน่งในครม.ไม่ว่าจะมีการ “ปรับครม.” จริงหรือไม่ หลังเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จบลง แต่ถึงกระนั้น แกนนำทุกคนต่างออกมาปฏิเสธ “กลุ่มสามมิตรไม่ได้รวมตัวอะไรกัน คำว่ากลุ่มสามมิตร เราบอกว่าจะไม่ใช้กันแล้ว แต่ว่าในบางกิจกรรมที่เป็นประโยชน์กับส่วนรวม ก็ไม่ว่ากัน” สมศักดิ์ ตอบคำถามสื่อ ยืนยันว่าวันนี้ไม่เพียงแต่ ไม่มีการรวมตัวกันเท่านั้นหากแต่ คำว่า “กลุ่มสามมิตร” ก็ไม่มีอีกแล้ว และนอกเหนือไปจากการความเคลื่อนไหวของกลุ่ม “3ส.”ที่เพิ่งนัดหมายรับประทานอาหารมื้อเที่ยง ผ่านพ้นไปท่ามกลางความสนใจของสื่อแล้ว ยังน่าสนใจว่า “แกนนำ” ของพรรคพลังประชารัฐ ด้วยกันหลายกลุ่ม หลายส่วนต่างเตรียมจัด “วอร์รูมนอกสภาฯ” เพื่อรับมือกับการอภิปรายฯครั้งนี้กันอย่างเข้มข้น เพราะต้องไม่ลืมว่า เป้าโจมตีของพรรคฝ่ายค้านนั้น อยู่ที่ “2 ป.” คือ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม , “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นหลัก ส่วน “บิ๊กป้อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นั้นฝ่ายค้านได้เรียนรู้มาแล้วว่า “บี้ไม่ลง” เพราะ “พี่รอง” อย่างพล.อ.อนุพงษ์ ไม่เพียงแต่จะเก็บอาการเท่านั้น หากแต่ยัง “สวนกลับ” ได้ทุกประเด็น ใช้ “ความนิ่ง” สยบฝ่ายค้านกลางสภาฯมาแล้ว เมื่อครั้งวาระที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่สำหรับ บิ๊กป้อมและบิ๊กตู่คือ “เป้าจริง”ที่ทั้งพรรคเพื่อไทยและอีก 5 พรรคฝ่ายค้านหวังที่จะ “รุกไล่” โดยใช้เวทีสภาฯ เป็นสังเวียน ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นว่า แกนนำพรรคพลังประชารัฐ จึงประกาศตั้งวอร์รูม เพื่อเตรียม “ชำแหละ” ฝ่ายค้านกลับเช่นกัน ยิ่งเมื่องานนี้ “แรมโบ้อีสาน” สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ประกาศเลยว่าจะเดินหน้า ตั้งทีมวอร์รูม ตอบโต้ฝ่ายค้านนอกสภาฯ และจะหารือกันภายในอาทิตย์หน้า ที่จับตาไปกว่านั้นคือจะเชิญ อดีตส.ส. -อดีตนักการเมือง มาร่วมเตรียมข้อมูล และแน่นอนว่า เมื่อฝ่ายค้าน ประกาศตั้งป้อม “ถล่ม” ทั้งบิ๊กป้อม-บิ๊กตู่ ฟากรัฐบาลเองก็จ้องชำแหละเรื่องราวที่พัวพันกับ “อดีตนายกฯ” ทั้ง “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ ชินวัตร” อย่างไม่ต้องสงสัย !