สถาพร ศรีสัจจัง
ทั้งการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงทางสภาวะภูมิอากาศ จนก่อเกิดแผ่นดินไหว พายุสึนามิ พายุลูกเห็บ ทั้งไฟไหม้แบบ “ล้างสรรพชีวิต” (ตัวอย่างเห็นๆใหม่ๆที่แคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกาและที่ออสเตรเลีย ที่ไหม้ต่อเนื่องมาเป็นปีแล้ว พร่าผลาญทั้งชีวิตผู้คน ชีวิตพืช สัตว์ และบ้านเรือน ทรัพย์สินมากมายจนยากจะประมาณการ) นี่ยังไม่นับความรุนแรงอื่นๆที่ตามมาจากสภาวะดังกล่าว ทั้งเรื่องความเปลี่ยนแปงของฤดูกาล น้ำแล้ง น้ำท่วม ฯลฯ
ที่น่ากลัวสุดสำหรับมนุษย์ก็คือการเกิด “โรคระบาด” ขนาดใหญ่ระดับโลก ที่เกิดในแหล่งหนึ่งแล้วแพร่กระจายอย่างรวดเร็วรุนแรงไปสู่แหล่งอื่น พร่าผลาญชีวิต และทรัพยากรของโลกทั้งทางตรง และทางอ้อมอย่างเหลือคณานับ สมกับยุคสมัยที่เรียกกันว่า “โลกยุคไร้พรมแดน”
ตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายสุดก็คือการเกิดขึ้น และกระจายตัวของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ๆ เฉพาะกลุ่มที่เรียกว่า “หวัด” กลุ่มเดียว ก็นำพาหายนะและความหวาดกลัวมาสู่เผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างยากที่จะบอกเล่าให้เห็นภาพ
ก็ตั้งแต่ไวรัสที่ก่อโรค “ซาร์” ก่อนหน้านี้ และ ไวรัสสายพันธุ์ “โคโรนา” ที่กำลังเขย่าโลกมนุษย์วันนี้อยู่นั่นไงเป็นตัวอย่างรูปธรรม
ถ้าเป็นชาวพุทธก็ต้องบอกว่า ทั้งสิ้นทั้งปวงล้วนมี “เหตุ” เกิดจาก “ความประมาท” และจิตที่ “เบียดเบียน” ของมนุษย์ในยุคทุนนิยมผูกขาดนี้ทั้งสิ้น!
สังคมไทยที่อ้างตัวเองว่าเป็นแหล่ง “สถิตมั่นของพระพุทธศาสนา” จึงนับเป็นพื้นที่ๆน่าอับอายที่สุด เพราะนอกจากจะทำตัวเป็นลูกกะโล่ชั้นเลวที่สุดของระบบ “ทุนเสรีนิยม” ดังกล่าวแล้ว (โดยการที่ชนชั้นสูงหรือชั้นปกครองกลุ่มน้อยในอดีตไปสมาทานรับเอารูปแบบและเนื้อหาของระบบ “ทุนเสรีนิยม” ดังกล่าวมาปลูกฝังให้แพร่ระบาดในประเทศนี้แบบ “ไม่เลือกแก่นทิ้งกาก” เพราะไม่เคยเรียนรู้ถึงองค์คุณแห่ง “รากทางสังคม” หรือ ภูมิปัญญาของบรรพชนตนเอง) ยังก่อการทำลาย สังคมที่เคยรู้ “พอเพียง” และ “เบียดเบียน” น้อยที่สุด ให้พัฒนาไปสู่สังคมที่เบียดเบียนตัวเอง เบียดเบียนเพื่อนนุษย์และเบียดเบียนธรรมชาติแบบที่อาจกล่าวได้ว่า “สามานย์” อย่างที่สุด!
ภาพประจักษ์ก็คือสภาพของทรัพยากรธรรมชาติที่พินาศสิ้นในปัจจุบัน ทั้งดิน น้ำ อากาศ ป่าเขา ทะเล ห้วยหนองคลองบึง กุ้งหอยปูปลา แร่ธาตุ และฯลฯ
ทุกอย่างสูญสิ้นไป พินาศไปเพราะ “ความโลภ” เพราะการกระตุ้นปรุงให้ “กิเลส” ของประชาชาติโลดเถลิงเริงร้อนอยู่ในกองไฟของ “ความอยากอย่างไม่มีขอบเขตและจุดสิ้นสุด” ของความรู้สึกไม่เคยพอ ของความมี “ตัวกูของกู” อย่างถึงที่สุด
ระบบศีลธรรมของสังคมจึงพังพินาศ ระบบจริยธรรมพังพินาศ และระบบคุณธรรมก็พังพินาศ!
จึงกลายเป็นสังคมที่เต็มไปด้วยวัตถุสิ่งเสพติด ทั้งยาเสพติดโดยตรงที่เห็นกันในสังคมไทยบัดนี้อยู่โต้งๆ ตั้งแต่ยาบ้า ยาไอซ์ โคเคน กัญชาหรือใบกระท่อม (ใช้แบบยาเสพติดไม่ใช่แบบ “โอสถ” เหมือนสังคมไทยในอดีต)
และความรุนแรงที่จะเกิดจากการกระตุ้นให้จิตใจยุคสมัยหมกอยู่แต่กับ “กามคุณ” หลากรูปหลากแบบ!
มีบ้างไหมที่สิ่งชั่วช้าสามานย์ต่อมนุษย์เหล่านี้เคยลดน้อยถอยลงในรอบอายุที่เรารับเอาระบบ “ทุนเสรีนิยม” หรือระบบที่เรียกว่า “เสรีประชาธิปไตย” มานำเป็นสรณะของสังคมไทย?
มีคำกล่าวว่า “กฎหมาย” ของสังคมชาวพุทธนั้นมีเพียง “ศีล 5 ข้อ ก็เพียงพอแล้ว” ลองคิดและตรองให้ดีๆเถิด
ว่าจริงไหม? ถ้าสามารถปรับใช้และบูรณาการการใช้ให้สมสมัย เพียงแต่บรรดาท่านผู้นำที่ทรงอำนาจในมือ จะกล้าคิดกล้าทำ และ “คิดเป็นทำเป็น” หรือเปล่าเท่านั้น!
รับรอง ถ้า “คิดเป็น” จนนำไปสู่การ “ทำได้” การซื้อขายมนุษย์/ ยาเสพติดให้โทษ/ การฆ่ากันทุกวัน /เด็กที่ไม่รู้จักคารวธรรม /การกินแรงผู้อื่น(จนเกิดสังคมชนชั้นที่ทำให้มนุษย์เหลื่อมล้ำเอาเปรียบกันอย่างน่าเกลียด)/ลูกฆ่าบุพการี/การบริโภคแบบไม่เคยรู้จักพอ/ฯลฯจะค่อยๆหมดไป
และถ้าสังคมเข้มแข็งขึ้นตามเส้นทางสายนั้น โรคระบาดที่เกิดจากการเบียดเบียนกัน(เช่นกรณี คนกินค้างคาวที่อู่ฮั่นหรือหูเป่ยก็จะไม่เกิดขึ้น)
หายนะภัยใหญ่น้อยทั้งหลายทั้งปวงก็จะเกิดยากขึ้น และถ้าเกิดก็จะเกิดได้ง่าย เพราะผู้คนอยู้ในศีลในธรรม คิดถึงส่วนรวม(อย่างน้อยก็ไม่น้อยกว่า)ส่วนตัว ฯลฯ
ระบบ “มนุษย์เป็นใหญ่” เหนือสิ่งทั้งหลายทั้งปวง มนุษย์สามารถ “เปลี่ยนแปลง” กฎฟ้าดิน (กฎธรรมชาติ) ที่เกิดจากระบบคิดแบบ “ไม่รู้พอเพียง” (มีตะวันตกเป็นฐานก่อเกิดหลัก) พิสูจน์ให้เห็นแล้วในรอบ 100 ปีที่พ้นผ่านในรูบแบบการพัฒนาสังคมมนุษย์ภายใต้กรอบคิดของ “ระบบทุนนิยมบริโภค” ว่าจะนำพามนุษย์และดาวสีน้ำเงินดวงนี้ไปสู่ความพินาศหายนะอย่างแน่นอน
ยังไม่ถึงเวลาอีกหรือที่จะ “ร่วมกันมีสติและก่อขบวนทวนกระแสทุน”?
วินาทีนี้ เหมือนจะแว่วบางวรรคในเพลงบางเพลงของวง “คาราวาน” แห่ง “ขบวน 4 ตุลาฯ” ในอดีตที่ชื่อ “ข้าวคอยฝน”มาเบาๆว่า “...ทุนนิยมจะถูกทำลาย...” และเหมือนชื่อบทละครที่ชื่อ “ทางกลับ คือการเดินทางต่อ” ของนักบวชนิกายมหายานชาวเวียดนามที่ชื่อ “ติ้ท นัท ฮันท์” จะแผ่รูปภาพขึ้นเต็มขอบฟ้าไกลโพ้น!
หรือเพื่อนมนุษย์ผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายทั้งหลายจะมึนงงสลึมสะลือ “ยังไม่รู้สึกตัว” กันอยู่อีก เพียงเพราะแรงกดประสาทจากฤทธิ์ร้ายของ “แรงอยากอันไม่รู้จบ” จากยาเสพติดที่ชื่อ “ทุนเสรีนิยม” ตัวนั้น!!!!