สารพัด “ข่าวลือ” ข่าวปล่อยที่ต่างฝ่ายต่าง โยนเข้าใส่กันอย่างอุตลุต จนกลายเป็นว่าเวลานี้การเมือง นอกสภาผู้แทนราษฎร กำลังร้อนแรงก่อนถึงวันเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจไปโดยปริยาย ทางฟากรัฐบาลเอง เมื่อปรากฎชัดเจนแล้วว่า “ 6พรรคฝ่ายค้าน” ได้จองกฐินยื่นญัตติซักฟอก ทั้งสิ้น6 รัฐมนตรี โดยมี “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดอันดับ1แต่ที่น่าสนใจ ย่อมไม่พ้นในรายของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรณ รองนายกรัฐมนตรี เองที่ก่อนหน้านี้ ทำท่าว่า พรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะ “พรรคเพื่อไทย” จะ “เว้นชื่อ” ไม่ขออภิปรายพล.อ.ประวิตร แต่แล้วทุกอย่างมีอันต้องพลิกผัน เมื่อปรากฎชื่อ พล.อ.ประวิตร เข้ามาในญัตติขอเปิดอภิปรายฯ จนเกิดรายงานข่าวว่า งานนี้ “ขอกันไม่ได้” ! และไม่เพียงแต่จะขอกันไม่ได้แล้ว ยังกลายเป็นว่า บิ๊กป้อม กลับต้องเจอกับ “สงครามข่าวลือ” ที่สะพัดไปไกลถึงขั้นที่ว่าจะมีการ “ปรับครม.” หลังเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยมีเก้าอี้รองนายกฯด้านความมั่นคง ของบิ๊กป้อม อยู่ใน “โซนอันตราย”ที่เข้าข่ายว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะยึดคืนอีกด้วย “ก็รู้อยู่แล้ว ทำไงล่ะ ก็ดี ออกก็ดี ผมก็แล้วแต่ เห็นว่าผมเป็นประโยชน์ก็ทำ ไม่เป็นประโยชน์ก็ออก” พล.อ.ประวิตร ตอบคำถามผู้สื่อข่าวอย่างมีอารมณ์ เมื่อถูกซักว่าตนเองคือเป้าโจมตีของฝ่ายค้าน ไปจนถึงมีข่าวว่าจะโดนปรับออกจากครม. อย่างไรก็ดี กระแสข่าวในลักษณะดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง หลายครา โดยเฉพาะในจังหวะที่รัฐบาล กำลังรับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก และยิ่งเมื่อมีพล.อ.ประวิตร เข้ามาเป็น “เงื่อนไข” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง หรือปัญหาบริหารนโยบายของรัฐบาล เพราะอย่าลืมว่าพล.อ.ประวิตร คือ “ตัวแปร” ในทุกมิติ อีกทั้งยังเชื่อมโยงกับ พล.อ.ประยุทธ์ ในทุกทาง ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า “เป้าโจมตี” ของฝ่ายค้านเองยังพุ่งไปยัง “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” แกนนำพรรคพลังประชารัฐ และรมช.เกษตรและสหกรณ์ แต่ดูเหมือนว่างานนี้เจ้าตัวจะไม่แสดงอาการวิตกกังวลใดๆออกมา ส่วนหนึ่งคาดว่าเป็นเพราะได้ “เก็งข้อสอบ”เอาไว้เรียบร้อยแล้วว่า ฝ่ายค้านจะหยิบเอาประเด็นใดขึ้นมา “ถล่ม” กลางสภาฯ ทั้งเรื่องการเข้าไปพัวพันกับคดียาเสพติด และประเด็นเรื่องวุฒิการศึกษา ใช่ว่า พรรคฝ่ายค้านจะ “เขย่า” ฟากรัฐบาลได้อยู่ฝ่ายเดียว แต่ลึกๆแล้วเวลานี้ปัญหาของ “6พรรคฝ่ายค้าน” คือการขาดความเป็นเอกภาพ อย่างเห็นได้ชัด ! ยิ่งเมื่อ “พรรคเศรษฐกิจใหม่” อันมี “5 ส.ส.” พร้อมใจกัน “โดดเดี่ยว” อดีตหัวหน้าพรรคที่ชื่อ “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ทำให้ณ เวลานี้ มิ่งขวัญ จึงเหมือนถูกลอยแพ อยู่ตามลำพัง ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า ในความเป็นจริงแล้ว “งูเห่า” ยังมีอีก ไม่ใช่เฉพาะ 5ส.ส.ของพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่เพิ่งแสดงตัวออกมาเท่านั้น สถานการณ์ที่เปราะบางของพรรคฝ่ายค้านเอง ต้องบอกว่าเจอกับปัญหาทั้งภายในและภายนอกในคราวเดียวกัน ยิ่งเมื่อ “พรรคอนาคตใหม่” อันถือเป็น กำลังสำคัญ รองจากพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็น “พรรคแกนนำฝ่ายค้าน” ยังต้องลุ้นระทึกว่า กว่าจะถึงวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ 25-27 ก.พ.นี้ อนาคตใหม่ จะยังสภาพความเป็น “พรรค” โดยไม่ถูก “ยุบ” ได้หรือไม่ ?