ในห้วงที่มีการระบาดของไวรัสโคโรนา นอกจากผู้เกี่ยวข้องจะต้องรับมือกับเชื้อโรค ดำเนินมาตรการเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดไม่ให้ลุกลามแล้ว ยังต้องรับมือกับบรรดาข่าวปลอมต่างๆ ที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว ซึ่งข่าวปลอมที่มีการแพร่ระบาดออกไปนั้น มีทั้งที่เผยแพร่ด้วยการขาดความรู้ความเข้าใจ การรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และมายาคติต่างๆ ด้วยพื้นฐานที่ไม่เชื่อมั่นต่อรัฐไทย รวมทั้งผู้ที่มีเจตนาสร้างความตื่นตระหนก และทำลายความน่าเชื่อถืออย่างเป็นขบวนการ ทำให้ประชาชนต้องตกเป็นเหยื่อ เกิกดความเครียดและวิตกกังวล ขณะเดียวกันก็กลายเป็นเครื่องมือในการแพร่ข่าวปลอม ซึ่งส่งผลกระทบต่อสังคมส่วนใหญ่ แม้การตื่นตัว ไม่ประมาทในการรับมือจะเป็นเรื่องที่ดี แต่บางครั้งอาจทำให้เกิดปัญหาความสับสนอลหม่าน อย่างไรก็ตาม นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต ได้แนะนำหลักทางจิตวิทยา ในการปรับตัวช่วงภาวะวิกฤติว่า ให้ประยุกต์ใช้หลัก 3 ประการ เพื่อดูแลสุขภาพกายและใจ หรือเรียกว่า “หลัก 3 I” 1.I am ตัวเราพิจารณาโดยใช้สติว่า เราเองเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงดีหรือไม่ เป็นคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ เช่น ชรา ป่วย มีโรคเรื้อรัง เป็นโรคที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เราทำงานหรือมีกิจวัตรประจำวันที่เสี่ยงกับโรคนี้หรือไม่ เราสามารถหาความรู้เกี่ยวกับโรคนี้ได้หรือไม่ เรามีคนที่คอยช่วยเหลือเราหรือไม่ 2.I have เรามีอะไรอยู่บ้าง เราอยู่ในประเทศที่มีการควบคุมโรคที่ดีมากประเทศหนึ่งของโลก เรามีการให้ข้อมูลที่เป็นหลักเชื่อถือได้จากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับโรคที่คล้ายกัน คือ เชื้อไวรัสโรคซาร์ส และโรคเมอร์ส ซึ่งประเทศไทยได้ผ่านเหตุการณ์นี้ ด้วยหลักการควบคุมโรคของ สธ. โดยประเทศไทยมีระบบควบคุม กักกัน แยกโรคที่ดี และมีการดำเนินงานตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งมีการให้ความรู้ในการดูแล ป้องกันตนเอง มีระบบการรักษาที่ดีมาก สำหรับในประเทศไทยยังไม่พบผู้เสียชีวิต 3.I can เราสามารถทำอะไรได้บ้าง เราเองต้องรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินร้อน ใช้ช้อนกลาง และล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงไปในสถานที่แออัด แต่หากจำเป็นต้องเดินทางไป ควรต้องป้องกันตัวเอง โดยสวมหน้ากากอนามัย ตามที่ สธ.แนะนำทุกครั้ง ถ้าเราเป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องนี้ดีแล้ว ก็สามารถจะแนะนำความรู้ต่อเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นได้ และที่สำคัญต้องติดตามข่าวสารที่เชื่อถือได้จากหน่วยงานราชการสม่ำเสมอ แต่ไม่ให้มากจนเกิดความเครียด แนะนำให้ฟังเช้า และเย็น ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ไม่สร้างหรือแชร์ข่าวปลอม โดยให้ช่วยกันแก้ไข เพื่อตัวเราและสังคมจะก้าวผ่านเรื่องนี้ไปได้อีกครั้ง นั่นเป็นหลักในการดูแลสุขภาพจิต ที่กรมสุขภาพจิตแนะนำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การเกิดวิกฤติโรคระบาดแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็น โรคซารส์ ไข้หวัดนก และไข้หวด2009 ก็จะค่อยๆสร้างความตื่นตัวในการดูแลสุขภาพของประชาชน ในเรื่องของการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย และการป้องกันตนเองจากเชื้อโรคต่างๆ โดยจะเห็นได้ว่าในช่วงหนึ่งที่สถานที่ที่มีคนพลุกพล่านไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า และระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ จะมีบริการเจลล้างมือ เป็นการเรียนรู้และรับผิดชอบร่วมกันของสังคม