ในระหว่างที่ “หัวหน้ารัฐบาล” อย่าง “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำลังเคร่งเครียดอยู่กับการหาทางคลี่คลายสถานการณ์ “ไวรัสโคโรนา” เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวชาวจีน เข้ามาในประเทศไทยและเกิดอาการเจ็บป่วย ตามมาด้วยคนไทยเองที่ได้รับเชื้อไวรัสโคโรนา ไปพร้อมๆกับการทำงานประสานกับทุกฝ่าย ทุกหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งในและนอกประเทศ
ขณะเดียวกันใช่ว่าการเมืองจะลดแรงเสียดทานตามลงไปด้วย ในทางตรงกันข้าม กลับกลายเป็นว่า “ฝ่ายการเมือง” ได้ลาม มาถึงการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา หรือไวรัสอู่ฮั่น จนกลายเป็นเรื่องที่พัวพันเป็นเรื่องเดียวกันไปโดยปริยาย
และเมื่อมาประจวบเหมาะกับห้วงจังหวะที่ “พรรคฝ่ายค้าน” ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเป็นรายบุคคล รวมทั้งสิ้น 6 ราย โดยมีเป้าหลักอยู่ที่ “พี่น้อง3ป.” อันประกอบด้วย “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม , “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อันถือว่า “ขุมอำนาจ” ที่มีความสำคัญมาตั้งแต่ครั้งยึดอำนาจจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนมาถึงวันนี้
ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่ ฝ่ายค้านจะต้องใช้โอกาสการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รอบนี้ “ถล่ม” ให้ “3ป.” บอบช้ำมากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อหวังที่จะ “ขยายแผล” ต่อไปยัง “นอกสภาฯ” ถือเป็นการอภิปรายฯในภาคต่อ
แต่เชื่อเถอะว่า ทั้ง “3ป.” ก็จะไม่ยอมเป็น “เป้านิ่ง” ให้ฝ่ายค้านรุมยำอยู่ฝ่ายเดียว และโดยเฉพาะรอบนี้พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งดูเหมือนถูกโดดเดี่ยวตามลำพัง จะต้องหาทางพิทักษ์ รักษา “3 ป.” ให้ตลอดรอดฝั่ง ผ่านพ้นศึกในสภาฯให้จงได้ !
การจัดเตรียมส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อรับมือในสภาฯยังอาจไม่เพียงพอ เมื่อเป้าหมายของพรรคฝ่ายค้านคือการรุกไล่ “จุดแข็ง” ของรัฐบาลคือ “3ป.” ให้แปรสภาพกลายเป็น “จุดอ่อน” ดังนั้นปฏิบัติการของฝ่ายรัฐบาลรอบนี้ จึงต้องเชื่อมโยงไปถึง “พรรคร่วมรัฐบาล” ที่เหลือว่าจะต้องช่วยทำหน้าที่เป็น “กองหนุน” ไม่ใช่ว่า รัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลรอดพ้นจากญัตติ แล้วจะอยู่ในสภาพที่ “ลอยตัว”
ด้วยเหตุนี้ “แกนนำ”ของพรรคพลังประชารัฐ จึงต้องออกมาเน้นย้ำถึงประเด็นที่ว่าด้วย “ความเป็นเอกภาพ” ของพรรคร่วมรัฐบาลอยู่บ่อยครั้ง
นอกจากการใช้แผนการเล่นที่บริหารจัดการ “ความสัมพันธ์” ภายในพรรคร่วมรัฐบาล แล้วยังน่าสนใจว่า “บิ๊กเนม” ของรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ จะต้องใช้ “แผนสำรอง” ด้วยการ “เปิดดีล” กับ “พรรคฝ่ายค้าน” เอาไว้ด้วยกันหลายๆพรรค ภายใต้ปฏิบัติการ “เพาะฟาร์มงูเห่า” จนทำให้พรรคฝ่ายค้านเองวิตกว่า การอภิปรายคราวนี้จะเป็นเหมือนวาระ “แกรนด์ โอเพ่นนิ่ง” เปิดตัวงูเห่าที่ยังแฝงตัวอยู่ในพรรคฝ่ายค้านที่เหลืออีก 6พรรค
และที่น่าสนใจไปกว่านั้นล่าสุดยังมีความเคลื่อนไหว เพื่อเตรียม “สกัด” แกนนำตัวหลักๆ ของพรรคฝ่ายค้าน บางรายที่เคยประกาศ “จองกฐิน” จ้องถล่ม บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ กลางสภาฯ ว่าที่สุดแล้วอาจจะเจอ “เกมสกัด” ด้วยทางใดทางหนึ่ง ก่อนถึงวันเปิดอภิปรายฯ