จะถือว่าเป็นจังหวะประจวบเหมาะ หรือความบังเอิญที่หลากเรื่องสารพัดปัญหาเข้ามารุมเร้ารัฐบาล ไหนจะเรื่องเดิมที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่อย่าง “ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563” ซึ่งบัดนี้ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และฝ่ายรัฐบาล กำลังคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ ว่าร่างกฎหมายจะถือเป็นโมฆะหรือไม่
ปัญหาเดิมยังไม่ทันได้คลี่คลาย ล่าสุดปรากฎว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรนาที่แพร่มาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ได้ลามมาถึงประเทศไทยโดยนักท่องเที่ยวชาวจีน ขณะเดียวกันมีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาล ออกมาตรการต่างๆเพื่อหาทางสกัดกั้นการแพร่ระบาด เหมือนกับที่ “สี จิ้น ผิง” ประธานาธิบดีจีน กำลังใช้อยู่ในเวลานี้
ขณะที่ก่อนหน้านี้ปัญหาทางมลพิษ ด้านฝุ่นที่ปกคลุมชั้นบรรยากาศ ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ลุกลามอย่างต่อเนื่อง หลายสัปดาห์ติดต่อกัน
หมายความว่าปัญหาทางการเมือง รัฐบาลก็ต้องเร่งหาทางแก้ไข เพราะอย่าลืมว่า “ผลกระทบ” ที่จะเกิดจากการที่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ มีผลบังคับใช้ล่าช้าออกไป จะไปลามถึงการใช้เม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุน
อีกทั้งอย่าลืมว่าที่มาที่ไปจากกรณีที่ คนของพรรคประชาธิปัตย์ คือ “นิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ” รองหัวหน้าพรรค ออกมาเปิดเผยว่ามี “2 ส.ส.” จากพรรคภูมิใจไทย ว่ามีพฤติการณ์เสียบบัตรแทน โดยที่ตัวเองไม่อยู่ในที่ประชุมสภาฯ เมื่อวันลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ฯ ที่ผ่านมา จะส่งผลให้ร่างกฎหมายการเงินฉบับนี้มีอันต้องโมฆะไปด้วยหรือไม่นั้น ได้ถูกขยายแผลไปยังประเด็นเรื่อง “ความสัมพันธ์” ระหว่างการอยู่ร่วมในรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น พรรคภูมิใจไทย ที่อดตั้งคำถามเรื่อง “มารยาททางการเมือง” ต่อกัน
เมื่อปัญหาใหญ่ ทั้งเก่าและใหม่ โถมเข้าใส่พล.อ.ประยุทธ์ ในคราวเดียวกันจึงกลายเป็นเรื่องที่ “7พรรคฝ่ายค้าน” หยิบฉวยทั้งการบริหารจัดการของรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาทั้งฝุ่น และการรับมือกับการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โคโรนา ด้วยการตั้งเป้าที่จะนำไปใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในสภาฯ
“รัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในส่วนของพรรคเพื่อไทย เป็นคนกลุ่มเดียวกันที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติ หรือจะเป็นตัวเลข 5+4 ซึ่ง 4 คนหลังอาจจะเพิ่มหรือลดในภายหลัง ซึ่งในวันนี้จะเป็นการกลั่นกรองในรายละเอียดขั้นสุดท้าย
เนื่องจากมีข้อมูลที่จะนำไปอภิปรายใหม่ๆอยู่ ซึ่งมีทั้งเรื่องปัญหา ฝุ่น ละออง PM 2.5 รวมไปถึงมาตรการป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และเรื่องในสภาฯ ที่สะท้อนถึงภาวะผู้นำในการแก้ไขปัญหาของประเทศ” สุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน ระบุ
เวลานี้สิ่งสำคัญที่ไม่เพียงแต่รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในหลายๆด้านพร้อมกันเท่านั้น หากแต่การสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับผู้คนในสังคม ถือเป็นเรื่องใหญ่ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะการให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง การลดความตื่นตระหนก การรับมือกับการกระจายภาพและข่าวที่บิดเบือน เพื่อลบกระแสการถูกโจมตีกระแส # รัฐบาลเฮงซวย โดยเร็วได้อย่างไร !?