ตัวเลขเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามปี 2563 มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 2.4% และไตรมาส 4 คาดว่าขยายตัว 2.8% ทั้งปีขยายตัว 2.6% โดยประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่จีดีพีขยายตัวเร่งขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่สอง ซึ่งประกอบด้วยประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ไทย และสิงคโปร์ ทั้งนี้ มีหลายประเทศที่จีดีพีขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง คือสหรัฐฯ จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ขณะที่ยูโรโซนกับเกาหลีใต้ อยู่ในกลุ่มประเทศที่ จีดีพีขยายตัวต่อเนื่องเท่า ๆ เดิม ทั้งนี้มีการจับตาว่าตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสที่สี่ของปี 2562 ที่จะประกาศออกมาในเดือนกุมภาพันธ์นั้น เป็นอย่างไร ในขณะที่เส้นทางของร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 จะวิบากอยู่พอสมควร ด้วยเมื่อผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาแล้ว กลับมีประเด็นเรื่องของส.ส.ที่เสียบบัตรแทนกัน สร้างความวิตกกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวให้สะดุดอีก กระนั้น ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2563 ได้มีมติเห็นชอบการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 สำหรับรายการที่มีวงเงินงบประมาณเกิน 1 พันล้านบาทขึ้นไปของกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นงบผูกพันในปี 2564-2567 วงเงินราว 179,600 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ มีวงเงินที่จะขอตั้งงบประมาณรายจ่ายเฉพาะปี 2564 จำนวน 36,384 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 46 โครงการ โดยมีโครงการที่น่าสนใจ ได้แก่ โครงการของกรมทางหลวง วงเงิน 34,133 ล้านบาท เช่น การก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองเชียงของ เพื่อเชื่อมต่อกับสะพานมิตรภาพไทยลาว แห่งที่ 4, การก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 365 สายเลี่ยงเมืองฉะเชิงเทรา และโครงการขยายช่องทางจราจรเป็น 4 ช่องทาง, การก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ส่วนต่อขยายจากทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต-บางปะอิน จ.ปทุมธานี และ จ.พระนครศรีอยุธยา นอกจากนี้ ยังมีโครงการของกรมทางหลวงชนบท วงเงิน 630 ล้านบาท 2 โครงการ, โครงการของกรมท่าอากาศยาน ซึ่งเป็นโครงการปรับปรุงท่าอากาศยานกลาง และท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช วงเงินรวม 760 ล้านบาท และโครงการติดตั้งระบบโครงข่ายโทรคมนาคมของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) วงเงิน 861 ล้านบาท ารอนุมัติโครงการลงทุนขนาดใหญ่น่าจะเป็นข่าวดี ที่จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยว ที่เป็นหนึ่งในรายได้หลักของประเทศ มีตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาค่าเงินบาทแข็ง เมื่อมีการอนุมัติโครงการออกมา แม้จะยังต้องรอเม็ดเงินงบประมาณ แต่ก็สามารถปลุกให้เกิดกระแสตื่นตัว โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้าง แม้นักวิเคราะห์จะยังจับตาและมีความกังวลกับปัญหาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 อยู่ เนื่องจากงบประมาณมีความล่าช้าไปมาก เดิมคาดว่าจะสามารถเบิกจ่ายได้ในไตรมาสที่สองของปี 2563 แต่หากไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ล่าช้าออกไปอีก ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกฝ่าย จะต้องเร่งดำเนินการจัดการกับปัญหาการเมือง เรื่องเสียบบัตรแทนกันให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว รวมทั้งต้องถอดสลักปัญหาการเมืองภายในรัฐบาลเอง เพราะยิ่งปล่อยไว้จะยิ่งกระทบต่อความเชื่อมั่น ด้วยความหวังเดียวที่จะฉุดเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอาจต้องพินพังลง