“พรรคอนาคตใหม่” ฝ่าด่านคดีความ คดีใหญ่มาได้อย่างฉลุย เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้ “ยกคำร้อง” คดีล้มล้างการปกครอง โดยยังไม่พบว่า ทั้ง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรค ,ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการ รวมทั้งกรรมการบริหารพรรค มีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ทันทีที่สิ้นเสียงตุลาการอ่านคำวินิจฉัย เสียงตบมือ เฮลั่น แสดงความยินดี ดังขึ้น ณ ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งคราคร่ำไปด้วยแกนนำพรรค กองทัพสื่อมวลชน รวมทั้งกองเชียร์ แฟนคลับที่ไปเฝ้ารอลุ้นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กันตั้งแต่เช้าตรู่ และเพื่อให้กำลังใจ ธนาธร หัวหน้าพรรค ซึ่งต้องลุ้นมากกว่าใครเพื่อนว่าพรรคจะได้ “ไปต่อ” หรือไม่ เมื่อคำวินิจฉัย ของศาลรัฐธรรมนูญออกมาในทางที่เป็น “คุณ” ต่อพรรคอนาคตใหม่เช่นนี้ แน่นอนว่าทางหนึ่งน่าจะช่วยลดโทนความร้อนแรงทางการเมืองไปได้ และขณะเดียวกันยังต้องยอมรับว่า จากนี้ไปกำลังใจและพละกำลังของพรรคอนาคตใหม่จะเทกลับมามากขึ้น ส่วนจะถึงขั้น ถล่มทลายชนิดที่ทำให้การจัดกิจกรรมทางการเมืองจากนี้ไป จะยิ่งโดดเด่น คึกคัก ได้รับการขานรับอย่างกว้างขวาง ความมั่นอก มั่นใจของทั้งธนาธร และปิยบุตร กำลังกลับคืนฟอร์มมากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน ดูเหมือนว่าทั้งคู่ไม่อาจเก็บงำความวิตกใจได้ ถึงขนาดที่ว่า ปิยบุตรได้เปิดแผนรองรับปลุกขวัญสมาชิกพรรคทั่วประเทศ ตลอดจน ส.ส.ทั้งเขตและปาร์ตี้ลิสต์ ของพรรคให้เตรียมตัวย้ายไปอยู่ “พรรคการเมืองใหม่” หากอนาคตใหม่มีอันต้องถูกยุบจริง ด้วยคดีล้มล้างการปกครอง “ เรื่องนี้ไม่ควรเป็นคดีตั้งแต่แรก ยืนยันว่าผม นายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ ไม่มีความคิดล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข สิ่งที่เราคิดอยู่ ที่เราทำและดำเนินการอยู่ คือการรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้มั่นคงยั่งยืน เพราะระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่มีที่อยู่ที่ยืนให้กับรัฐประหาร เผด็จการสืบทอดอำนาจ ทั้งนี้ การรัฐประหาร ยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ตั้งตนเองเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ต่างหากที่เป็นการล้มล้างการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้นจึงไม่ใช่ประชาชน พรรคการเมืองที่คิดล้มล้างการปกครองฯ แต่เป็นกลุ่มบุคคล กองทัพที่ถืออาวุธ และก่อการรัฐประหาร ยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญต่างหากที่เป็นคนล้มล้างการปกครอง” บางส่วนบางตอนจากการแถลงขอบคุณประชาชนจากปิยบุตร ที่ไม่เพียงแต่จะย้ำจุดยืนของพรรค แล้วยังกระแทกกลับไปยัง “คณะรัฐประหาร” หรือกองทัพที่เป็นฝ่าย “ถืออาวุธ” ที่น่าจะเป็นคนที่ล้มล้างการปกครองมากกว่าพรรคอนาคตใหม่ อีกหนึ่งชัยชนะที่ดูจะมีความสำคัญต่อพรรคอนาคตใหม่ เมื่อสามารถผ่านด่านคดีล้มล้างการปกครองได้อย่างฉลุย ครั้งนี้ ยังเท่ากับเป็นการปลดเปลื้อง ข้อหา “พรรคชังชาติ” ที่ถูกโจมตี จนกลายเป็น “จุดตาย” สำหรับธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ มาโดยตลอด น่าสนใจว่าการคืนฟอร์มของพรรคอนาคตใหม่ ครั้งนี้ จะเป็นชัยชนะที่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะต้องเผชิญหน้ากับคำวินิจฉัยในทางที่เป็น “โทษ” ที่ยังรออยู่เบื้องหน้า อีกหลายคดี !