แม้สถานการณ์โลกจะตึงเครียด และปั่นป่วน อันเป็นผลกระทบจากศึกระหว่างสหรัฐอเมริกา และอิหร่าน ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ซึ่งหลายฝ่ายคาดหวังว่าสถานการณ์จะไม่บานปลาย และส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของไทยที่รอการฟื้นตัว
ในขณะที่สถานการณ์การเมืองภายในประเทศ แม้ปัญหาเสียงปริ่มน้ำของรัฐบาลจะได้รับการแก้ไขจนมีเสถียรภาพมากขึ้นในระดับหนึ่งแล้ว ก่อนจะเผชิญศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่การเมืองนอกสภาฯ ก็จ่อปะทุ เมื่อมีการจัดกิจกรรม “วิ่ง ไล่ ลุง” และ “วิ่ง เชียร์ ลุง” ขึ้น
กระนั้น ท่ามกลางปัจจัยลบต่างๆ รัฐบาลพยายามออกมาตรการมากระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ในขณะเดียวกันนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการเร่งรัดการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ให้คืบหน้าในปี 2563 โดยนายสมคิดระบุว่าจะต้องเน้นสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างชาติ ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองเป็นแบบปัจจุบัน โดยต้องอาศัยปัญหาเชิงลบภายนอกประเทศ ที่จะทำให้นักลงทุนไหลเข้ามายังไทย
ทั้งนี้จึงต้องการเร่งรัด 4 โครงการหลัก ทั้งท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง มาบตาพุด อาคารผู้โดยสารสนามบินอู่ตะเภา และศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ต้องชัดเจนภายในครึ่งปีแรก เพราะขณะนี้แอร์บัสและรายอื่นสนใจเข้ามาร่วม จึงต้องการให้การบินไทยเร่งรัดข้อสรุป ไม่เช่นนั้นจะเปิดให้รายอื่นเข้ามาร่วมแทน หรืออาจจะทำให้ประเทศเวียดนามนั้นดึงผู้เล่นในตลาดไปลงทุนภายในแทนประเทศไทย ขณะเดียวกันก็ต้องการเร่งรัดโครงการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะโครงการสมาร์ทซิตี้ ที่ต้องการให้ตั้งคณะทำงานบริการและเร่งให้สามารถลงทุนได้ภายในปีนี้ โดยจะต้องตั้งคณะทำงาร่วมกันเพื่อผลักดันแผนการทำงานไม่ใช่ใมันอยู่แค่ในกระดาษ
"ถ้าทุกฮย่างสามารถสรุปได้ภายในไตรมาสแรกของปีนี้ ก็จะสามารถดำเนินการก่อสร้างลงทุนได้ภายในไตรมาสที่ 3-4 ของปีนี้ โครงการที่เป็นแฟล็คชิปจะต้องเกิดในปีนี้ การพัฒนาเมืองใหม่หรือสมาร์ทซิตี้ต้องจริงจัง และการพัฒนาที่อยู่อาศัยจะต้องตามมา ถึงจะทำให้สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้"นายสมคิด กล่าว
ขณะที่นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) กล่าวว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในอีอีซีจำนวนเงิน 650,000 ล้านบาท จะเห็นภายในปลายปีนี้ หลังจากศาลปกครองพิจารณาให้เดินหน้าเปิดประมูลพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังได้ คาดว่าไตรมาส 1 จะสรุปแนวทางและเปิดประมูลจากภาคเอกชน ประชากรในอีอีซี 3.4 ล้านคน วัยเรียน 1.2 ล้านคน ต้องพัฒนาให้เป็นคนรุ่นใหม่ 340,000 ราย ร่วมกับสถาบันการศึกษาพัฒนาบุคลากร โดยขอบัณฑิตอาสาเพื่อร่วมสร้างบุคคลากรรองรับผู้ประกอบการ สิทธิประโยชน์มีทั้งบีโอไอและของอีอีซี สำหรับการสร้างเมืองใหญ่ให้เร่งวางแนวคิด เพื่อสร้างแหล่งอยู่ศัย ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเร่งรัดวางแผน โดยมีนายคณิศ เป็นประธาน เบี้องต้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยไม่ต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) สร้างชุมชนในเมืองใหม่
“การลงทุนของอีอีซีจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือการลงทุนจริงอุตสาหกรรมทั่วไป ที่เราจะพยายามดึงดูดมาให้ได้ปีละแสนกว่าล้านบาท และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 6.5 แสนล้านบาท หากหาร 5 ปีก็จะตกปีละแสนกว่าล้าน เมื่อรวมกันก็จะอยู่ที่ประมาณปีละ 300,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เราวางไว้ โดยจำนวนเงินดังกล่าวจะสามารถกระตุ้นการเติบโต หรือจีดีพีของประเทศได้ 1.5-2% ขณะที่การลงทุนในปี 2562 ที่ผ่านมา เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 404,982 ล้านบาท เกิดการจ้างงานทั้งสิ้น 44,571 ตำแหน่ง และเกิดโรงงานใหม่ 450 โรงงาน”
หากโครงการลงทุนในพื้นที่อีอีซีเดินเครื่องได้เมื่อไหร่ ก็จะเป็นปัจจัยสำคัญ เร่งให้เศรษฐกิจไทยลืมตาอ้าปากได้