จากเดิมที่ "พรรคฝ่ายค้าน" พากันหมายมั่นปั้นมือ ตั้งความหวังว่าจะใช้ "ญัตติซักฟอก" เขย่ารัฐบาลโคลง "เรือเหล็ก" ของ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กันในคราวนี้แล้ว ทำไปทำมา อาจจะกลายเป็นว่าทั้งหอกและดาบจ่อจะเปลี่ยนทิศเปลี่ยนทางพุ่งเข้าใส่ ฝ่ายค้านแทนเสียเอง !
แม้พรรคเพื่อไทย จะออกหน้าเป็นเหมือน "เจ้าภาพใหญ่" รับภารกิจเตรียมทั้งคนและประเด็นเพื่อใช้อภิปรายไม่ไว้วางใจตั้งแต่ หัวขบวนทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ไปจนถึงรัฐมนตรี หลากหลายกระทรวง แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วลึกๆ พรรคเพื่อไทยเองก็ตกอยู่ในสถานะที่ไม่สู้ดีนัก
เมื่อมี "ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง"นั่งหัวโต๊ะเป็น เทรนเนอร์ นอกสภาฯ"ติวเข้ม" ส.ส.แถวสอง -แถวสาม ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ในขณะเดียวกัน กลับกลายเป็นว่า เมื่อมี ร.ต.อ.เฉลิม ต้องไม่มี "คุณหญิงหน่อย" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ ของพรรค
มิหนำซ้ำ "ศึกใน" ยังบานปลายขยายแผลเก่าออกไปมากขึ้นเมื่อ รอบนี้ยังเป็นการแท็กทีมกัน ระหว่างกลุ่มการเมืองที่ไม่หนุนคุณหญิงสุดารัตน์ไม่ว่าจะเป็น ขั้วของ ภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน กับกลุ่มของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
ประเด็นที่น่าสนใจและต้องจับตามอง นอกเหนือไปจากความวุ่นวายภายในพรรคเพื่อไทย ในฐานะเจ้าภาพใหญ่ที่จะขับเคลื่อนเกมซักฟอกรัฐบาลแล้วยังต้องไม่ลืมว่า เกมเขย่ารัฐบาลในสภาฯ รอบนี้ อาจกลายเป็นการ"หอก" ที่ทิ่มแทงใจไปยังพรรคฝ่ายค้านเองทั้ง 7 พรรค !
เมื่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งตัวนายกฯ และรัฐมนตรีนั้นต้องใช้เสียงโหวตในสภาฯ ให้ได้รับความไว้วางใจนั่งบริหารงานต่อ แต่ในภาวะที่รัฐบาล แม้จะได้เสียงจาก "4 งูเห่า"ของพรรคอนาคตใหม่มาเพิ่ม โดยกระจายไปตามพรรคร่วมรัฐบาลก็ตามแต่เพื่อความมั่นใจ การตุนเสียงเอาไว้ในมือจึงถือเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญ
ว่ากันว่าในวาระการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ตัว นายกฯและรัฐมนตรี จะใช้เป็นจังหวะในการพิสูจน์ตัวเองกลางสภาฯ เท่านั้น หากแต่ยังอาจจะเป็นวาระพิเศษถือเป็นการ "เปิดตัว" ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ที่พร้อมยกมือโหวตหนุนให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรี
ภายใต้เหตุผลที่สุดคลาสสิก เพื่อให้รัฐบาลได้เดินหน้าบริหารประเทศต่อในสถานการณ์ที่ประเทศต้องรับมือกับศึกใน และศึกนอก ทั้งภาวะเศรษฐกิจ ไปจนถึงการสร้างความเชื่อมั่นทางการเมือง
การเปิดตัวเปิดหน้า งูเห่าที่สังกัดในปีก "7พรรคฝ่ายค้าน" ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ ยังน่าสนใจว่า จำนวนตัวเลข ส.ส.ที่จะแปลงร่างเป็น "งูเห่า" นั้นจะมีมากหรือน้อย ยังต้องรอประเมินจากปัญหาของ "พรรคอนาคตใหม่" ที่มีคดีความใหญ่พันคอด้วยว่า "บทสรุป" สุดท้ายแล้ว พรรคจะถูกยุบหรือไม่
เพราะอย่าลืมว่า ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคดีล้มล้างการปกครอง ในวันที่ 21 ม.ค.นี้ !
หากผลออกมาในทางที่เป็นลบต่อพรรคอนาคตใหม่แล้ว ย่อมแน่นอนว่า จะมี ส.ส.ของพรรคนี้ ดิ้นรนหนีตาย หาทางรอดด้วยการหาพรรคใหม่เข้าสังกัด กันจ้าละหวั่น
จำนวนตัวเลข ส.ส.งูเห่า จะมากหรือน้อย กำลังกลายเป็น "เงา" ที่ตามเขย่าขวัญ "7 พรรคฝ่ายค้าน" กันเอง เพราะแท้จริงแล้ว ทุกพรรคทั้ง 7 ค่าย ล้วนแล้วแต่มีโอกาสเผชิญหน้ากับความสุ่มเสี่ยง ไม่ต่างกัน !