นับถอยหลังเข้าสู่ปี 2563 เข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว ที่ประชาชนต่างออกเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือท่องเที่ยวพักผ่อนตามสถานที่ต่างๆ และในทุกปี จะมีการกำหนดมาตรการการป้องกันอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม หรือ 7 วันอันตราย ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา ในปีนี้นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย โดยเป็นปีแรกที่มีจิตอาสาพระราช ทาน เข้ามาร่วมปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกพร้อมกับเจ้าหน้าที่ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยในเทศกาลปีใหม่ จึงได้ประชุมร่วมกันระหว่างจิตอาสาและคณะทำงานต่าง ๆ ที่ดูแลในช่วงเทศกาลนี้ ดังนั้นขอให้ทุกคนสนองตอบต่อพระราชกระแสของพระองค์ท่านที่ทรงห่วงใยคนไทยทุกคนในช่วงเทศกาลปีใหม่ด้วย ขอให้ทุกคนต้องช่วยกัน หากไม่ช่วยกันทำก็ไม่มีใครทำให้ได้ เพราะหลายเรื่องจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียวไม่ได้ พร้อมกันนี้ยังฝากให้ยึดหลัก 3 ร. คือ รักตัวเอง รักครอบครัว และรักคนอื่นให้เท่ากัน แล้วจะรู้ว่า ควรทำตัวอย่างไรในช่วงปีใหม่นี้ อีกด้านหนึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีมหามงคล ยังอยู่ในช่วงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ถึงเดือน พ.ค. 2563 รัฐบาลห่วงใยการใช้รถใช้ถนนให้ปลอดภัยมากขึ้น จึงเรียกทุกหน่วยงานที่ดูแลความปลอดภัยและการจราจร ประชุมเตรียมความพร้อม ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น จึงส่งผู้อำนวยการจิตอาสาพระราชทานร่วมประชุม เพื่อ บูรณาการทำงานร่วมกันให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือ ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะ จักรยานยนต์ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ด้าน นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า จิตอาสาพระราชทาน เข้ามาร่วมปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกพร้อมกับเจ้าหน้าที่ ทั้งในช่วงก่อน 7 วันอันตราย ที่จะมีการมาช่วยทำความสะอาดและจัดระเบียบตามเส้นทางและที่พักรถ และในระหว่าง 7 วันอันตราย จะร่วมกับเจ้าหน้าที่ ตามจุดต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน และช่วงหลัง 7 วันอันตราย จะมีการคืนสภาพพื้นที่ปฏิบัติงาน ให้เข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีเป็นประโยชน์ต่อประเทศเพราะจิตอาสาทุกคนตั้งใจเข้ามาทำงานเพื่อประเทศ นายมณฑล กล่าวต่อว่า พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำให้จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดในช่วงปีใหม่ปี 2562 ได้แก่ นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ และสุพรรณบุรี รวมทั้งจังหวัดจุดเชื่อมต่อการเดินทางได้แก่ นครราชสีมา นครสวรรค์ และประจวบคีรีขันธ์ ให้เตรียมความพร้อมป้องกันอุบัติเหตุ รวมทั้งเรื่องด่านครอบครัว และด่านชุมชน ได้มีส่วนร่วมเฝ้าระวังดูแลกันเองมากขึ้น นอกจากนี้ยังให้ทำงานเชิงรุก โดยนอกจากจะดำเนินคดีกับผู้ขับขี่ที่ปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดแล้ว ให้สอบสวนขยายผลไปถึงร้านที่ขายสุราให้ผู้ขับขี่ หากตรวจพบก็จะยึดใบอนุญาตประกอบการทันที รวมทั้งเข้มงวดในสถานที่จัดกิจกรรมเคานท์ดาวน์ตามจุด ต่าง ๆ ไม่ให้ขายสุราให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ขณะที่ พลโทคงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงว่า พลเอกประวิตรกำชับขอให้นำสถิติอุบัติเหตุของปีที่ผ่านมา ทั้งพื้นที่ สาเหตุและปัญหาที่เกิดขึ้นมาเป็นบทเรียนปรับแผนและเตรียมความพร้อมให้ครอบคลุม ทั้งมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุ ทั้งนี้ ขอให้กระทรวงคมนาคมคุมเข้มบังคับใช้กฎหมายและสำรวจความพร้อมยานพาหนะสาธารณะทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ความพร้อมของเส้นทาง แสงสว่าง และเครื่องหมายจราจรรองรับการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยวในทุกเส้นทาง พลเอกประวิตรยังกำชับขอให้ตำรวจทางหลวงดูแลในเส้นทางหลัก กระทรวงมหาดไทยดูแลในเส้นทางทางหลวงชนบทภาพรวม พร้อมทั้งขอให้กระทรวงสาธารณสุขเตรียมความพร้อมของโรงพยาบาลและการส่งกลับ เพื่อลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น พร้อมกันนั้น ยังขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมายในห้วง 7 วันอันตรายอย่างจริงจัง โดยเฉพาะสาเหตุหลักของอุบัติเหตุ คือเมาแล้วขับ ขับรถเร็ว และการไม่สวมหมวกกันน็อก ทั้งยังให้กระทำการต่อเนื่องในการดูแลความปลอดภัยของประชาชนในทุกท้องที่ ต้องสร้างการตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเฝ้าระวังและดูแลกันเอง ทั้งป้องกันอุบัติเหตุในครอบครัวและการดูแลความปลอดภัยในชุมชน ส่วนพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งว่า ตำรวจออกมาตรการเพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยของประชาชน 3 มาตรการสำคัญ คือ 1.การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทั้งก่อนและหลังปีใหม่ โดยให้ตำรวจในพื้นที่ประสานกับฝ่ายความมั่นคงในการกดดันจับกุมผู้ต้องหาในคดีค้างเก่าทั่วประเทศ พร้อมติดตามสถานการณ์ข่าวทุกพื้นที่ 2.มาตรการด้านการเฝ้าระวัง มุ่งเน้นหาข่าวทั้งในและต่างประเทศ กำชับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองคุมเข้มคัดกรองบุคคลเข้าออกประเทศช่วงปีใหม่ 3.มาตรการด้านจราจร จะเข้มงวดบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก เช่น เมาไม่ขับ ง่วงไม่ขับ ขับขี่ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด คุมเข้มสถานีขนส่ง สถานีรถไฟ ท่าอากาศยาน โดยตำรวจประสานกับพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ทั้งนี้ เราจะหวังพึ่งเจ้าหน้าที่แลหน่วยงานต่างๆที่รับผิดชอบเพียงอย่างเดียวไม่ได้ เหนือสิ่งอื่นเราทุกคนต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อตนเอง ผู้อื่นและส่วนรวม จึงจะทำให้ ห้วงเวลาเทศกาลปีใหม่เป็นเทศกาลแห่งความสุข ไม่มีข่าวเศร้า ช่วยกันทำให้ช่วงเวลานี้เป็น 7 วันไม่อันตรายกันเถอะ