ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.คาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2563 ว่าจะขยายตัว 2.8% สูงกว่าปี2562 ที่คาดว่าขยายตัว 2.5% แม้จะมีโอกาสที่การขยายตัวจริงต่ำกว่าประมาณการ แต่เหตุผล ที่ ธปท. มองว่า เศรษฐกิจปี 2563 จะดีกว่าปีนี้มาจากปัจจัย 3 ประการ คือ
1.งบประมาณและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐ เริ่มมีผลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
2.นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายขึ้น
3.ปริมาณการค้าโลกที่แย่ลงมาในปีนี้ จากสงครามการค้า และการส่งออกซึ่งปีนี้คาดว่าติดลบ 3-4% ทำให้ผู้ผลิตและผู้ประกอบการปรับตัว โดยมีหลายๆ ธุรกิจต่างประเทศ ที่ตัดสินใจย้ายฐานการลงทุนมายังประเทศไทย ทั้งนี้ ตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่ 2.8% นั้น อยู่ในระดับที่ไม่น่าพอใจ เพราะต่ำกว่าศักยภาพการเติบโตที่แท้จริง ที่อยู่ในระดับ 3.5-4% และเราต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้เกิดการขยายตัวมากกว่านี้ หากมีการดำเนินการที่เหมาะสม จะโตเต็มศักยภาพเหมือน 2-3 ปีที่ผ่านมา
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงในปีหน้า ธปท. ชี้ว่าคือ ด้านแรงงาน ที่ผลกระทบจากการส่งออก และธุรกิจขนาดกลาง ไม่สามารถแข่งขันกับธุรกิจขนาดใหญ่ได้ ขณะนี้เริ่มเห็นการเลิกจ้าง การลดการจ้างจากรายเดือน เป็นรายวัน การขอลดเวลาทำงานตามกฎหมายแรงงาน เพื่อจ่ายเงินเดือน 75% ในหลายธุรกิจและหลายโรงงานมากขึ้น หากปีหน้าสามารถแก้ปัญหาภาคการผลิต ลดต้นทุนช่วยให้ภาคการผลิตอยู่ได้ ก็จะบรรเทาผลกระทบส่วนนี้ได้
ส่วนความเสี่ยงอื่นๆที่ต้องติดตามมี 3 ปัจจัยด้วยกัน คือ
1.ความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
2.ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้าย ฯลฯ
และ3.ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงเป้าหมายปี 2563 ของรัฐบาล และความคาดหวังไตรมาสแรกปีหน้าว่า รัฐบาลคาดหวังว่าไตรมาสแรกของปีหน้าน่าจะดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลดำเนินการมาตลอดต่อเนื่อง ทั้งมาตรการระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว และต้องยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลง ทุกประเทศกำลังลำบาก ทุกคนทราบสาเหตุอยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เรื่องของเศรฐกิจเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนประเทศ หากเราร่วมกันสร้างความมั่นใจว่าเศรษฐกิจยังไปได้อยู่อาจน้อยบ้าง ชะลอตัวบ้าง แต่ถ้าทุกคนร่วมมือกันก็จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และเชื่อมั่นว่าโครงการถนนคนเดินทั่วประเทศ จะทำให้การจับจ่ายใช้สอยทุกพื้นที่ ทำให้เศรษฐกิจฐากรากมีการหมุนเวียนทุกอย่างจะดีขึ้น และเมื่อภาครัฐมีเงินงบประมาณเติมเข้าสู่ระบบหลังพ.ร.บ.งบประมาณผ่านตามขั้นตอนก็จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นและน่ายินดีว่า งานโอทอปซิตี้ 2019 ที่ผ่านมา มียอดขายรวมมากกว่า 1,372 ล้านบาท ทำลายสถิติรอบ 5 ที่ผ่านมา เป็นการแสดงให้เห็นว่า ชุมชนและสินค้าต่างๆ มีการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้น สอดคล้องกับความต้องการของตลาด
“ผมต้องการให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ไตรมาส 4 ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งผลไปยังไตรมาสแรกของปี 2563 รวมทั้งการเน้นการลงทุนในรัฐวิสาหกิจต่างๆ เกือบแสนล้านบาท ซึ่งต้องเร่งดำเนินการให้ได้โดยเร็ว โดยต้องใช้เงินอย่างเหมาะสม ซึ่งทุกคนต้องช่วยกันด้วยความเข้าใจจะไปบังคับเขาไม่ได้”
อย่างไรก็ตาม การประมาณการณ์เศรษฐกิจ อาจมีแนวโน้มที่ดีขึ้น หรือแย่ลง ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่ต้องทำงานหนักเพื่อให้มาตรการต่างๆ ส่งผลต่อเศรษฐกิจ ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดและสำคัญที่สุดคือส่งผลต่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน