ดูเหมือนว่า “รัฐบาล”จะสามารถคุมเกมในทุกกระดานเอาไว้ในมือได้อย่างอยู่หมัด ล่าสุด “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ได้รับเสียงจากที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 อย่างเป็นเอกฉันท์ ให้ทำหน้าที่ “ประธาน” โดยไม่มีการพลิกโผ !
แม้พรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคฝ่ายค้านจะส่ง “มือกฎหมาย” อย่าง “โภคิน พลกุล” แกนนำพรรคเพื่อไทย ลงมาสู้ แต่สุดท้ายต้องพ่ายไปตามระเบียบ
หากจะมองว่า ฝ่ายรัฐบาลเอาชนะเกมแก้รัฐธรรมนูญ ในยกแรกไปได้ ก็คงไม่แปลกนัก เพราะด้วยการลงมติในที่ประชุมให้พีระพันธุ์ ชนะไปด้วย 25 คะแนน ส่วนโภคิน ได้19 คะแนนนั้น คือหมากที่วางกันเอาไว้ตั้งแต่แรก เช่นเดียวกันกับที่ฝ่ายรัฐบาลส่ง พีระพันธุ์ เข้ามานั่งในตำแหน่ง ประธานนั้นก็คือหนึ่งในแผนการเล่น สำหรับการเดินเกมแก้รัฐธรรมนูญ เช่นกัน
น่าสนใจว่า ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์เองก็มีท่าทีคึกคัก แข็งขันที่จะส่ง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาชิงตำแหน่งประธาน แต่สุดท้ายอภิสิทธิ์ กลับถูกสกัด ทั้งเกมภายในและนอกพรรค จนกลายเป็นการเปิดทางให้พีระพันธุ์ รอแต่งตัว เพื่อมารับตำแหน่งดังกล่าว
เมื่อวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เป็นเหมือน “ยาขม” สำหรับ “รัฐบาล” โดยเฉพาะรัฐบาลที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็น “คสช.ภาคต่อ” จึงทำให้หลายต่อหลายฝ่าย ใช้เป็น “เงื่อนไข”กดดัน “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อให้ “ตอบรับ” ว่ารัฐบาลจะไม่บิดพลิ้วในการแก้รัฐธรรมนูญฉบับคสช.
และแล้วกลับกลายเป็นว่า รัฐบาลกลับพลิกเกม ด้วยการ “ขานรับ” เป็นเจ้าภาพ แต่ส่ง “มือทำงาน” ที่ส่งตรงมาจากพรรคประชาธิปัตย์ อย่างพีระพันธุ์ เข้ามารับหน้าที่ประธาน คุมเกมอยู่หัวโต๊ะ
จากนี้ไป ยังต้องลุ้นกันช็อตต่อช็อตว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 จะสามารถ “เดินไปได้ไกล” สักแค่ไหน เมื่อยกแรก ฝ่ายรัฐบาลเอาชนะไปได้อย่างที่เห็น
ขณะเดียวกันเกมการเมืองในสนามเลือกตั้งซ่อม เขต 7 ขอนแก่น ที่ล่าสุด “สมศักดิ์ คุณเงิน” ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ เอาชนะ “ธนิก มาสีพิทักษ์” ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ชนิดขาดลอยมาได้เป็นผลสำเร็จ จึงเท่ากับว่าสมศักดิ์ มาเติมเสียงให้กับรัฐบาล ภายใต้สังกัด พรรคพลังประชารัฐโดยตรง
สนามการเลือกตั้งซ่อม ที่เหลืออีก 2 สนามใหญ่ที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะต้องจัดเลือกตั้งซ่อมขึ้นอีก คือที่เขต 2 จังหวัดกำแพงเพชร แทน “พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรรัตน์” อดีตส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ต้องพ้นจากส.ส. เนื่องจากถูกจำคุกเมื่อครั้งเป็นนปช. บุกไปล้มการประชุมอาเซียน
และ เขต 5 สมุทรปราการ แทน “กรุงศรีวิไล สุทินเผือก” คนของพรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกใบเหลือง เนื่องจากคนใกล้ชิดใส่ซองช่วยงานศพ
ชัยชนะที่พรรคพลังประชารัฐ เพิ่งได้รับจากสนามเลือกตั้งซ่อม เขต 7 ขอนแก่น ครั้งล่าสุด คือภาพสะท้อนด้วยกันในหลายมิติ ทั้งจากปัญหาภายในของพรรคเพื่อไทยในฐานะ “คูแข่ง” เอง ไปจนถึงการพิสูจน์ฝีมือและการสร้างผลงาน ของ “แม่ทัพ” ที่รับผิดชอบภาระกิจบุกเข้าตีในพื้นที่แข็งของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตรเพื่อ “ทำลายขวัญ” ในอีก2เขตเลือกตั้งซ่อมที่เหลือ !