โรมรันพันตูกันอยู่พักใหญ่ สุดท้าย “รัฐบาล”ของ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ “สนามไชย1”เป็นฝ่ายกำชัยชนะกลับบ้าน โดยที่ไม่ต้องมาถึง “สภาฯ” ให้เหนื่อยแรง! ฝ่ายที่น่าหนักใจ ส่อว่าจะเจ็บใจ ร้าวลึก คงไม่มีใครเกิน “พรรคร่วมฝ่ายค้าน” ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันยากลำบาก เพราะใครจะคาดคิดว่า “งูเห่า” ส.ส.ในซีกฝ่ายค้านนั้นพร้อมที่จะ “สลับขั้ว” ไปซบรัฐบาล ได้ทุกเมื่อ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งล่าสุดที่ฝ่ายรัฐบาลสามารถโหวต “ล้มญัตติ” การเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจสอบการออกคำสั่ง คสช.และ ม.44 ลงได้สำเร็จนั้น ยังเป็นการโชว์ตัว “10 ส.ส.” จาก “4 พรรคฝ่ายค้าน” ว่าใคร จากพรรคไหนพร้อมที่จะทิ้งสถานะการเป็น “ฝ่ายค้าน” เมื่อโอกาสมาถึง เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่กำลังดังอื้ออึงอยู่ในทั้งในและนอกสภาฯ ถามหาความถูกต้อง ความเหมาะสมจากฝ่ายรัฐบาล ตั้งแต่การเรียกร้องให้ออกมาตอบคำถามกรณีข่าวลือเรื่องการใช้เงินซื้อส.ส.จากพรรคฝ่ายค้านหรือไม่ ไปจนถึงการปล่อยให้ “พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรรัตน์” ส.ส.กำแพงเพชร ของพรรคพลังประชารัฐ เข้ามานั่งร่วมประชุมสภาฯได้อย่างไร ทั้งที่เจ้าตัวมีหมายจับจากศาลพัทยา ทว่าทุกคำถาม ทุกข้อกังขา ดูจะไม่ได้รับคำตอบที่น่าพอใจนักสำหรับพรรคฝ่ายค้าน อีกทั้งยังดูเหมือนว่าฝ่ายรัฐบาลกำลังเร่งเดินเกมรุดไปข้างหน้า ทั้งการแก้ไขปัญหา “รอยร้าว”ใน ครม.เพื่อประคอง “เรือเหล็ก”ไปแล่นไปได้อย่างราบรื่นมากที่สุด แม้ในยามที่ “พรรคประชาธิปัตย์” กำลัง “เล่นเกม” ท้าทายบิ๊กตู่ กรณี “ 4 ส.ส.” โหวตสวนมติวิปรัฐบาล ล่าสุดฝ่ายรัฐบาล ส่งสัญญาณชัดเจนว่า มี “อะไหล่สำรอง” เอาไว้เรียบร้อยแล้ว ยิ่งเมื่อหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ “มนูญ สิวาภิรมย์รัตน์” เปิดทางรอ “เทียบเชิญ” จากรัฐบาล และพร้อมที่จะเดินหน้าไปด้วยกัน ถ้าจะทำให้ประเทศชาติไปต่อได้ "ผมก็รออยู่ครับ ยังไม่มีใครโทรมา เราเป็นผู้น้อย ถ้าผู้ใหญ่จะชวนก็ต้องปรึกษาหารือกันในพรรคว่าจะอย่างไร ตอนนี้จุดยืนของเราอยู่ในฐานะฝ่ายค้าน ถ้าเราไปร่วมรัฐบาลเราจะประกาศให้ชัดเจนถ้าไม่มีการเสนอเก้าอี้รัฐมนตรี แต่พรรคสามารถผลักดันนโยบายการทำงานได้ก็ยินดี ซึ่งพรรคไม่เคยเปลี่ยนจุดยืน ที่ต้องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ไปต่อได้” (7ธ.ค.2562) อย่าลืมว่า พรรคเศรษฐกิจใหม่ มีส.ส.ในสภาฯด้วยกัน “6 ที่นั่ง” และไม่ว่าจะรวม “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะร่วมขบวนไปกับพรรคหรือไม่ แต่อย่างน้อยที่สุด ฝ่ายรัฐบาลกำลังจะมี “5 เสียง” ของเศรษฐกิจใหม่ เข้าเป็น “พันธมิตร” อันเป็นตัวเลขที่เหนือกว่า “4 ส.ส.” จากประชาธิปัตย์ อย่างไรก็ดี การต่อสู้ทางการเมืองนั้นแท้จริงแล้ว พรรคพลังประชารัฐในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล และยังเป็นกลไกทางการเมืองของ คสช.ซึ่งแม้จะหมดวาระไปแล้วตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญ ทว่าในความเป็นจริงแล้ว หลายคนย่อมรู้ว่าวันนี้ ยังมีเงาของคสช.อยู่เช่นเดิม และที่สำคัญ จะแพ้ไม่ได้ เมื่อแพ้ไม่ได้ เดินออกจากสังเวียนการต่อสู้ก็ย่อมยาก จึงไม่น่าแปลกใจที่แผนการรบย่อมแปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ยึด “เป้าหมาย” เป็นสำคัญ ดังนั้นอย่าได้ประมาทว่า โอกาสที่จะได้เห็น “ปรากฎการณ์” ทางการเมือง เกิดขึ้นในวันข้างหน้า ทั้งการดึงบางพรรคการเมืองมาร่วมรัฐบาลทั้งพรรค หรือการรอช้อน ส.ส.จากพรรคการเมืองที่ถูกยุบ ไปฝากเอาไว้ตามพรรคต่างๆล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น !