แก้วกานต์ กองโชค เจ๊ยุ หรือ นางยุวดี ธัญญสิริ อดีตผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำทำเนียบรัฐบาล ถึงแก่กรรมอย่างสงบด้วยอายุ 71 ปี ถือเป็นความสูญเสียของวงการสื่อมวลชนทีเดียว แม้ว่า “เจ๊ยุ” จะไม่ได้รับหน้าที่บริหารสื่อใดๆ เพียงแต่คง “ความเป็นนักข่าวประจำทำเนียบ” มานานกว่า 40 ปี ถือเป็นนักข่าวที่ประจำทำเนียบรัฐบาลนานที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้โดยปกติแล้ว เส้นทางการเติบโตในวิชาชีพของนักข่าว ก็ต้องเริ่มต้นที่นักข่าวฝึกหัด นักข่าว นักข่าวอาวุโส รีไรท์เตอร์ ผู้ช่วยบรรณาธิการข่าว บรรณาธิการข่าว หัวหน้ากองบรรณาธิการ และบรรรณาธิการบริหาร ใครที่มีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ถือหุ้นใหญ่ก็รับอาสา “เสี่ยงคุก” ก็จะถูกขยับไปเป็น “บรรณาธิการผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา” แต่ “เจ๊ยุ” ยังคงทำหน้าที่ “นักข่าวอาวุโส” ประจำทำเนียบรัฐบาลตลอดระยะเวลาเกือบ 40 ปี โดยไม่เปลี่ยนแปลง ทำเนียบรัฐบาล กลายเป็น “สถานที่ทำงาน” ของเจ๊ยุไปโดยปริยาย คงไม่มีนักข่าวนไหนในประเทศไทยที่ประจำทำเนียบรัฐบาลนานเท่ากับ “เจ๊ยุ” แม้กระทั่งในช่วงที่ เจ๊ยุ กลายเป็น “คุณนาย” ของปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ หรือ บิ๊กยักษ์ นักข่าวอาวุโสคนนี้ก็ยังมาถึงทำเนียบรัฐบาล 8 โมงเช้า กลับ 6 โมงเย็น หรือบางวันก็มืดค่ำ เพราะจะต้องรอสัมภภาษณ์แหล่งข่าว ไม่มีใครเรียก “คุณนาย” สักคนเดียว (นอกจากคนที่บ้าน) ที่สำคัญ ไม่นักข่าวรุ่นหลาน นักข่าวรุ่นลูก นักข่าวรุ่นพี่ นักข่าวรุ่นเดียวกัน นักข่าวรุ่นน้อง....ทุกคนต่างเรียกผู้สื่อข่าวบางกอกโพสต์คนนี้ว่า “เจ๊ยุ” เสมอมานั่นทำให้หลายคนเคารพ และชื่นชม “ความเป็นนักข่าวในสายเลือด” ตั้งแต่เรียนจบการศึกษา คณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนกระทั่งวันที่เจ็บป่วย เจ๊ยุไม่เคยคิดทำอย่างอื่น นอกจากการเป็น “นักข่าว” อันที่จริง “เจ๊ยุ” เป็นนักข่าวที่โลว์โพรไฟล์ มากที่สุดคนหนึ่ง ไม่ว่าจะมีนักข่าวกี่รุ่น แวะเวียนมาทำข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลแต่เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2559 เจ๊ยุไม่สามารถเข้ามาทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลได้ หลังมีการออกมาตรการทำบัตรประจำตัวสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลใหม่ จนทำให้มีการเขียนถึงเจ๊ยุ เนื่องจากหลังจากเกษียณอายุการทำงานที่บางกอกโพสต์แล้ว ต้นสังกัดยังจ้างเจ๊ยุเป็น “ฟรีแลนซ์” อยู่เหมือนเดิม ทั้งๆที่ด้วยฐานะและวัยวุฒิ เจ๊ยุไม่ต้องมาทำงาน ก็อยู่ในฐานะร่ำรวยอยู่แล้ว แต่คนมีไฟเช่นเจ๊ยุ ยังคงปักหลักทีทำเนียบรัฐบาลการหาข่าว และทำข่าวของนักข่าวสายการเมือง และสายเศรษฐกิจนั้น เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าทุกวันจันทร์จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ทุกวันอังคาร จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีชุดใหญ่ ซึ่งเป็นวันที่นักข่าวทุกสำนัก ทุกสายข่าว จะมีรวมพลกันที่ทำเนียบรัฐบาล ทุกวันพุธ จะมีการประชุมคณะกรรมการ บางรัฐบาลจะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีด้านสังคม และประขุมวุมิสมาชิกที่รัฐสภา ทุกวันพฤพัสบดี (ช่วงเปิดประชุมสภา) จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่รัฐสภา ทุกวันศุกร์ คือ วันที่ปลอดข่าว และจะต้องเก็บข่าวไว้วันเสาร์ อาทิตย์ เป็นข่าวแห้ง จนเป็นที่รับรู้สำหรับคนที่ไม่อยู่ในวงการข่าวว่า หากจะให้ปรากฏข่าวลงในสื่อต่างๆ จะต้องจัดแถลงข่าววันเสาร์ หรือวันอาทิตย์ ถ้าจะให้ดีที่สุดก็คือวันอาทิตย์ เพราะหนังสือพิมพ์บางฉบับตีพิมพ์ฉบับเสาร์-อาทิตย์ ควบคู่กันไป นั่นทำให้ “เจ๊ยุ” ซึ่งปักหลักอยู่ทำเนียบร้ฐบาล กลายเป็นเจ๊ของนักข่าวหลายสาย เพราะจะต้องมาเจอกันในวันอังคาร วันรวมพลนักข่าวการเมือง ในฐานะเจ้าบ้าน ก็จะต้องปิดรังนกกระจอกให้นักข่าวรุ่นหลานๆ ลูกๆ จนได้ยินเสียงยาย เสียงป้า บ่นเรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อยของรังนกกระจอกเสมอ แต่สำหรับนักข่าวที่ถูกบ่น จะรู้สึกอมยิ้ม มากกว่าโกรธเมื่อได้ยินเสียงบ่นตามหลังเสมือน “ครูฝ่ายปกครอง” เข้มงวดกับนักเรียนเวลาเลิกเรียนเพราะกลับไปมองอีก เจ๊ยุ จะหนีบ “นสพ.สยามรัฐ” กลับไปอ่านคอลัมน์ซอยสวนพลู ของพล.ต.ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่บ้านทุกครั้ง กลายเป็น “วิถีชีวิตนักข่าวอาวุโส” ที่ไม่มีใครเลียนแบบได้ เหมือนที่ “เจ๊ยุ” มักบ่นถึงนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี ซึ่งมักตอบไม่ตรงคำถามเสมอ เพราะอยากตอบในสิ่งที่อยากตอบมากกว่า เป็นชีวิคไม่มีเหมือนใคร แต่แน่วแน่ในเส้นทางอาชีพของตัวเองที่น่ายกย่องมาก ครับ !!!!