กิจกรรมการเมือง นอกสภาฯ ที่กำลังกลายเป็น อีเว้นท์เรียกแขก ที่ชื่อว่า “วิ่ง ไล่ ลุง” มี “ธนวัฒน์ วงค์ไชย” อ้างตัวว่าเป็นประธานยุทธศาสตร์ สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) พร้อมเครือข่ายกลุ่มต่อต้านรัฐบาล เตรียมจัดกิจกรรมในวันที่ 12 ม.ค. ปีหน้า2563 มีเป้าหมาย เพื่อเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กำลังอยู่ในจังหวะที่โหมโรง รณรงค์ในห้วงที่ รัฐบาลกำลังเจอกับมรสุม “เสียงปริ่มน้ำ” แถม “พรรคร่วมรัฐบาล” ยังเปิดศึกซัดกันให้นัวไปหมด เมื่อมีฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ก็ย่อมแน่นอนว่า “กองเชียร์” ของ “ลุงตู่” ไม่อาจอยู่เฉย ! เมื่อการรณรงค์ สื่อสารของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล มีสื่อไร้สาย ใช้โลกออนไลน์เป็นอาวุธ ทางด้าน “กองเชียร์” นายกฯประยุทธ์ เองก็กำลังใช้รูปแบบการต่อสู้ที่ไม่แตกต่างกัน ล่าสุด เพจเฟชบุ๊ก"เชียร์ลุง"กองเชียร์ ของรัฐบาล สนับสนุนการทำงานของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ได้โพสต์ข้อความนัดหมายกิจกรรมทางการเมื่องเช่นเดียวกัน โดยระบุว่า “ สมาคมคนรักลุง เจอกันแน่นอนที่คุณอยากจะวิ่ง ใครจะวิ่งไล่ลุงก็วิ่งไป แต่...เราจะวิ่งตามลุง12มกราคม เป็นต้นไป วิ่งตามลุง #พบกันที่..สวนสุขภาพใกล้บ้านท่านนะครัช พร้อมใจกัน..วิ่งตามลุง.. เราคนดี..วิ่งเป็นที่เป็นทาง #ผมรักลุงตู่ ครับ” แต่ดูเหมือนว่า ทั้ง “บิ๊กตู่”และ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะไม่ได้ให้น้ำหนักเท่าไหร่ โดยพล.อ.ประยุทธ์ ยังท้าให้วิ่งไล่ให้ทันก็แล้วกัน ! เพราะอย่าลืมว่า แม้งานนี้ พรรคอนาคตใหม่จะไม่ได้ “ออกหน้า” แต่น่าจะเป็นที่รับรู้กันดีว่า แท้จริงแล้ว ธนวัฒน์ หรือ “บอล” ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นนักกิจกรรมที่เปิดตัวต่อต้าน รัฐบาลตั้งแต่ครั้งเป็นคสช.ร่วมกับ “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ โดยมีสุดท้ายปลายทางมารวมกันที่แม่น้ำสายเดียวกันนั่นคือฝ่ายต่อต้านรัฐบาล อย่าง “พรรคอนาคตใหม่” ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่จะพบว่างานนี้เพราะเหตุใด ทั้งบิ๊กตู่และบิ๊กป้อม จะไม่ให้น้ำหนัก เนื่องจากเป็นเครือข่ายกลุ่มเดิม หากแต่เมื่อเป็นแนวร่วมกับพรรคอนาคตใหม่ ซึ่ง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เพิ่งประกาศตัวขอออกมาสู้ “นอกสภาฯ” เคียงข้างประชาชน จึงกลายเป็น “เงื่อนไข” ที่ฝ่ายความมั่นคงต้องหันมาจับตา พุ่งเป้าไปยัง ธนาธร และคนของพรรคอนาคตใหม่ อีเว้นท์การเมือง ในยุคที่รัฐบาลบิ๊กตู่ ยังมีอำนาจคสช. ในมือก็ล้วนแล้วแต่เป็นกิจกรรมที่เรียกกระแส มากกว่า ที่จะ “ปลุกมวลชน” ออกมาได้นับเรือนหมื่น เรือนแสน เหมือนกับที่ ม็อบสารพัดเสื้อสี เคยสร้างประวัติศาสตร์มาแล้ว ดังนั้น ฝ่ายความมั่นคง จึงไม่ต้องถึงขั้นต้องใช้รูปแบบของการ “กระชับพื้นที่” เพียงแต่ระแวดระวังไม่ให้สถานการณ์ บานปลาย จนทำให้เกิดเป็น “เงื่อนไข” จนไปสู่การสร้าง แรงกดดันมายังรัฐบาล โดยเฉพาะเมื่อมีพรรคอนาคตใหม่และแนวร่วมเอง ก็หวังเพ่งมองไปยังการเคลื่อนไหวของม็อบที่ฮ่องกง ซึ่งมีแกนนำเป็นนิสิต นักศึกษา คนรุ่นใหม่ สถานการณ์การเมือง นอกสภาฯ อาจไม่ใช่แรงกดดันที่น่าหวั่นไหว สำหรับรัฐบาล เมื่อเทียบกับปัญหาที่กำลังก่อตัว เกิดเป็น “ความขัดแย้ง” ภายในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง ซึ่งคาดว่า การนัดมีตติ้ง พบปะกันเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่สโมสรราชพฤกษ์ วิภาวดี ที่ผ่านมา อาจจะยังไม่สามารถ “เคลียร์ใจ”กันได้จบจริงๆ !