เสือตัวที่ 6
การใช้ความรุนแรงอย่างไร้มนุษยธรรมของกลุ่มคนร้ายในขบวนการสร้างความแตกแยกในหมู่คนในในพื้นที่ปลายด้ามขวาน ในการลอบทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ณ ป้อม ชรบ.ทางลุ่ม ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลาเมื่อกลางดึกของวันที่ 5 พ.ย.62 ทำให้ผู้ชาวบ้านบริสุทธิ์ ต้องถูกสังเวยชีวิตถึง 15 ศพ ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็ก หรือผู้หญิง ทั้งพี่น้องไทยพุทธ และไทยมุสลิม ที่คนปกติมนุษย์ทั่วไปจะไม่อาจลงมือลอบทำร้ายคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์เหล่านี้ได้อย่างเลือดเย็น แม้เวลาจะล่วงเลยเหตุร้ายที่เกิดจากน้ำมือของกลุ่มคนนิยมความรุนแรงจะผ่านไปหลายวันแล้ว หากแต่บาดแผลในใจของคนในพื้นที่ทั้งหมดก็ไม่อาจลบเลือนออกไปได้ กระแสความเกลียดชังของกลุ่มคนในพื้นที่ทั้งพุทธและมุสลิมในพื้นที่ก็ยังคงถาโถมเขาใจคนในขบวนการร้ายแห่งนี้อย่างมากจนแกนนำในขบวนการเริ่มหาทางแก้ตัวต่างๆ นานา หากแต่ยังไม่อาจนำเหตุผลใดๆ มาหักล้างความเลวร้ายครั้งนี้ไปได้
โดย นายก อบต.ลำพะยา กล่าวว่า "แม้จะผ่านมาถึง 19 วันแล้ว แต่ชาวบ้านที่นี่ก็ยังทำใจไม่ได้ คนที่ผ่านไปมาก็ยากที่จะไม่นึกถึงเหตุการณ์ร้ายแรงที่สร้างความสะเทือนใจให้กับพี่น้องทุกคน” เพราะเหตุการณ์ร้ายครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ครั้งที่เลวร้ายอีกครั้งหนึ่ง ในหลายๆ เหตุเลวร้ายที่กลุ่มคนนิยมการทำลายล้างก่อกรรมทำเข็ญขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วน เป็นการลอบทำร้ายผู้บริสุทธิ์โดยไม่เลือกหน้าว่าจะเป็นชายหรือหญิง ไม่เว้นว่าจะเป็นไทยพุทธหรือไทยมุสลิม โดยขัดกับคำสอนทางศาสนาอิสลามอย่างสิ้นเชิงและเห็นได้ชัด ณ เวลานี้ ผู้คนในพื้นที่จึงหูตาสว่างมากขึ้นในการเลือกที่จะเชื่อและเลือกที่จะอยู่ฝ่ายใด นับเป็นการตอกย้ำความลวงโลกที่ฝ่ายขบวนการร้ายแห่งนี้พยายามเสี้ยมให้คนไทยในพื้นที่แตกแยกกันมาตลอด แม้กระทั่งชาวบ้านคนหนึ่งยังกล่าวถึงกลุ่มขบวนการร้ายแห่งนี้ว่า “อยากบอกคนร้ายที่ยังหลบหนีและที่อยู่ร่วมในขบวนการร้ายแห่งนี้ว่า อยากให้หยุดทำร้ายคนบริสุทธิ์ พวกเราอยู่ที่นี่ร่วมกัน ทั้งพี่น้องพุทธ-มุสลิมเข้าใจกัน หยุดเข้ามาสร้างความแตกแยก เพราะมันไม่เกิดขึ้นแน่"
ในขณะที่การติดตามไล่ล่า เพื่อนำฆาตกรร้ายกลุ่มนี้มาลงโทษตามกฎหมายของรัฐ ก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างกระชั้นชิด หลังจากการก่อเหตุลอบทำร้ายผู้บริสุทธิ์ที่ลำพะยา บรรดากองกำลังติดอาวุธเหล่านี้ ก็ได้หนีหัวซุกหัวซุนไปยังแหล่งกบดานของบรรดาที่พักอาศัยของแนวร่วมและพื้นที่ป่าภูเขา หากแต่ก็ไม่เกินความสามารถของหน่วยงานรัฐที่กำลังไล่ติดตามอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยก็ทำให้กลุ่มคนหัวรุนแรงเหล่านี้ ไม่มีเวลาตั้งตัวที่จะวางแผนร้าย ก่อกรรมทำเข็ญกับผู้บริสุทธิ์อีกต่อไป อาทิเช่น เจ้าหน้าที่รัฐได้ปิดล้อมจับกุมผู้ต้องหาคดีความมั่นคง 2 คนที่พบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์โจมตีป้อม ชรบ.ลำพะยาที่ผ่านมา และเมื่อมีการต่อสู้เจ้าหน้าที่ คนร้ายกลุ่มนี้จึงถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี (นายมะยะโก๊ะ ลาเต๊ะ กับ นายซอบรี หลำโสะ) และหลังผ่านเหตุการณ์มา 20 วัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้เบาะแสเชื่อมโยงไปยังผู้เกี่ยวข้องมากขึ้น ทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยและผู้ต้องหาได้อย่างต่อเนื่อง
โดยเจ้าหน้าที่รัฐ ได้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบจับกุมบุคคลเป้าหมาย คือ นายฮิลมี ยีเล๊าะ หรือ เปาะเด๊ะ อายุ 28 ปี ภายในร้านกาแฟไม่มีชื่อ ซอยวิฑูรย์อุทิศ 2 ตลาดเก่า ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา ขณะเกิดเหตุอยู่ภายในร้านพร้อมกับผู้สื่อข่าวและผู้ประสานงานสื่อท้องถิ่น ซึ่งเป็นสื่อทางเลือก อีก 6 คน เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวไปพูดคุยทั้งหมด โดยได้มีการบันทึกประวัติ เก็บสารพันธุกรรม (DNA) ก่อนปล่อยตัวกลับภูมิลำเนา 6 คน คงเหลือคุมตัวเฉพาะนายฮิลมีเท่านั้น โดยมีเบาะแสจาก นายมะอีซอ เจ๊ะโซ๊ะ ชาว ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา ที่ให้การรับสารภาพมาก่อนหน้านี้ว่า ทำหน้าที่ดูต้นทาง และสกัดกั้นเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าช่วยเหลือ หลังเกิดเหตุโจมตีป้อม ชรบ.ที่ ต.ลำพะยา แล้ว และยังให้การยืนยันว่า นายฮิลมี เจ๊ะโซ๊ะ ชาว ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา มีส่วนร่วมในการก่อเหตุลอบทำร้าย คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ ณ จุดตรวจ ชรบ.ด้วย
ในขณะที่ พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จับกุมผู้ต้องสงสัยเพิ่มอีก 1 คน จากเหตุโจมตีป้อม ชรบ.ใน ต.ลำพะยา จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวได้แล้ว 18 คน และปล่อยตัวไปบางส่วน บางคนก็ถูกออกหมายจับ บางคนออกเป็นหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ การติดตามไล่ล่า เพื่อจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ทำลายชีวิตชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ มารับโทษตามกฎหมายครั้งนี้ คดีมีความคืบหน้าไปมาก โดยเจ้าหน้าที่รัฐ ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามกรอบของกฎหมาย และพร้อมให้ความยุติธรรมกับทุกกลุ่มคน หากบริสุทธิ์ใจจริง ก็ควรออกมามอบตัวและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์คัวเอง หรือให้การยอมรับในการกระทำเรื่องเลวร้ายนี้ต่อสังคม ทำให้เห็นว่า ความคืบหน้าของการบังคับใช้กฎหมายของรัฐ มีความคืบหน้าไปมาก เหล่านี้ เป็นตัวชี้วัดได้ว่า มวลชนในพื้นที่มีความเอือมระอากับการกระทำของกลุ่มคนในขบวนการทำลายล้างแห่งนี้เพิ่มมากขึ้นทุกที จึงหันมาให้เบาะแสเพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐเร่งขจัดคนร้ายที่ไม่ยอมหยุดความรุนแรงเหล่านี้ให้หมดไปจากแผ่นดินของพวกขาโดยเร็ว
เหล่านี้ คือจุดตัดสินใจของพี่น้องประชาชนคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ ที่จะต้องกล้าออกมาให้ความร่วมมือกับรัฐอย่างเต็มกำลัง เลิกกลัวกลุ่มคนร้ายที่ลอบทำร้ายทำลายชีวิตผู้คนผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่อย่างไม่มีเยื่อใยแม้แต่น้อย และหันมาร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐที่พร้อมจะปกป้อง ดูแล พัฒนาความเป็นอยู่ให้สุขสบายตามวิถีที่ทุกคนในพื้นที่ต้องการอย่างเต็มกำลัง หมดเวลาแล้วสำหรับกลุ่มคนที่นิยมความรุนแรงและถึงเลาแล้วที่คนในพื้นที่จะออกมาเปิดโปงกลุ่มคนในขบวนการที่หลบๆ ซ่อนๆ อยู่ในพื้นที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐ สามารถนำกฎหมายของรัฐมาปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้หมดสิ้นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเชื่อว่า หากมวลชน ไม่ให้การสนับสนุนใดๆ กับกลุ่มคนหัวแข็ง ที่นิยมความรุนแรงในขบวนการเหล่านี้ คนร้ายกลุ่มนี้ ก็ไม่สามารถหลบซ่อนและกล้าที่จะก่อเหตุร้าย ทำลายความสงบสุขของคนในพื้นที่ใดๆ ได้ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้คนเหล่านี้ ยังคงหาโอกาสมาคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่คนแล้วคนเล่าได้อย่างอำเภอใจอีกต่อไป เพราะชีวิตผู้บริสุทธิ์ มีค่ามากเกินกว่าที่ใครแม้แต่จะคิดทำร้ายได้