รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
โดยทั่วไปแล้ว “บ่น” เป็นลักษณะการพูดชนิดหนึ่ง ซึ่งอาจมีการพูดในระดับเสียงตั้งแต่ค่อยที่สุด จนดูเหมือนพูดคนเดียว หรือถึงระดับเสียงที่ดังฟังชัดเจน ซึ่งก็ขึ้นอยู่ว่า “บ่น” เพื่อระบายคลายความเครียด หรือ “บ่น” เพื่อให้ผู้อื่นได้ยิน โดย “บ่น” ถือเป็นการพูดที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เมื่อมนุษย์มีประสบการณ์มากขึ้น ได้รับรู้สิ่งต่าง ๆ มากขึ้น และต้องรับผิดชอบเรื่องต่าง ๆ มากขึ้น มนุษย์ก็จะทำพฤติกรรมการบ่นมากขึ้นเป็นเงาตามตัว จากความหมายที่ปรากฏนั้น พอสรุปได้ว่า เมื่อมนุษย์คุ้นเคย รับรู้ หรือได้รับผลกระทบต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากขึ้นหรือในระยะเวลายาวนานขึ้น ย่อมทำให้เกิดพฤติกรรม “บ่น” ในที่สุด
เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ณ วันนี้ จากสถานการณ์ของประเทศไทยที่ต้องเผชิญอยู่กับปัญหาโดยเฉพาะสภาพเศรษฐกิจของประเทศ ณ วันนี้ จะสร้างความหนักใจให้กับประชาชนคนไทยอย่างมาก ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะแก้ไขได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารของรัฐบาล และในปี 2563 ที่กำลังจะมาถึงประชาชนต่างส่งสัญญาณ...ส่งเสียงบ่น เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ตลอดจนมีความคาดหวังต่อการทำหน้าที่ของรัฐบาล เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ ในหัวข้อ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ในสายตาประชาชน จำนวนทั้งสิ้น 1,207 คน สรุปผลได้ ดังนี้
“5 อันดับ ปัญหาเศรษฐกิจ” ที่รุมเร้าประชาชน ณ วันนี้ คืออะไร? พบว่า “คำตอบ” ที่ “ประชาชน” ตอบมากที่สุด ร้อยละ 65.54 คือ ข้าวของแพง ค่าครองชีพสูง สาเหตุจาก สินค้ามีต้นทุนสูง ทุกอย่างปรับขึ้นราคา รัฐขึ้นภาษีสินค้าต่าง ๆ ทำให้มีราคาแพงขึ้น นายทุนเอารัดเอาเปรียบ ฯลฯ วิธีแก้ไข คือ ควบคุมราคาสินค้า มีส่วนลดสำหรับประชาชน ลดราคาน้ำมัน ของกินของใช้ ดำเนินการกับผู้ที่เอารัดเอาเปรียบอย่างจริงจัง ฯลฯ
รองลงมา ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจของประเทศย่ำแย่ ร้อยละ 39.19 สาเหตุจาก รัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังไม่ค่อยได้ผล เงินบาทแข็ง ท่องเที่ยวซบเซา เศรษฐกิจโลก ตกต่ำ ฯลฯ วิธีแก้ไข คือ รัฐบาลแก้ปัญหาให้ตรงจุด มีนโยบายช่วยเหลือประชาชน ใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์ ไม่ทุจริตคอรัปชั่น ฯลฯ
การว่างงาน ตกงาน ร้อยละ 31.76 สาเหตุจาก เศรษฐกิจไม่ดี ไม่มีงานทำ สถานประกอบการขาดทุนต้องปิดตัวลง ไม่มีเงินจ่ายค่าจ้าง คนงานถูกเลิกจ้าง ฯลฯ วิธีแก้ไข คือ ไม่เลือกงาน ลดรายจ่าย หางานพิเศษทำ รัฐบาลมีนโยบายเร่งช่วยเหลือคนตกงาน ชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ฯลฯ
รายได้ลดลง เงินไม่พอใช้ ร้อยละ 25.68 สาเหตุจาก องค์กร สถานประกอบการมีกำไรลดลง ต้องลดรายจ่าย ให้ค่าตอบแทนลดลง ข้าวของแพง รายจ่ายสูง ฯลฯ วิธีแก้ไข คือ ขึ้นเงินเดือน เพิ่มค่าแรง ลดความเหลื่อมล้ำ ลดภาษี ลดดอกเบี้ย ขยายเวลาชำระหนี้ ช่วยเหลือคนยากจน ฯลฯ
การส่งออก การค้าและการลงทุน ร้อยละ 17.48 สาเหตุจาก เศรษฐกิจโลกซบเซา ต่างชาติ ภาคเอกชนไม่กล้าลงทุน ส่งออก-นำเข้ามีปัญหา ค่าเงินบาทแข็งทำให้ได้กำไรลดลง ฯลฯ วิธีแก้ไข คือ รัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติและนักลงทุน ส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวม ฯลฯ
เรื่องที่ประชาชนอยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือมากที่สุด คืออะไร? พบว่า “คำตอบ” ที่ “ประชาชน” ตอบมากที่สุด ร้อยละ54.34 คือ ควบคุมราคาสินค้า ลดค่าครองชีพ ไม่ขึ้นภาษี รองลงมา ได้แก่ แก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยเร่งด่วน สร้างงานสร้างรายได้ ขึ้นเงินเดือน ร้อยละ38.41 และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ร้อยละ31.15
ใคร? หรือ หน่วยงานใด? ที่ประชาชนคาดหวังให้เข้ามาช่วยเหลือ พบว่า “คำตอบ” ที่ “ประชาชน” ตอบมากที่สุด ร้อยละ 47.90 คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีและผู้นำฝ่ายรัฐบาล รองลงมา ได้แก่ กระทรวงต่าง ๆ เช่น กระทรวงการคลัง พาณิชย์ แรงงาน อุตสาหกรรม เกษตรฯ ร้อยละ 32.84 และฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ ร้อยละ 24.94
นี่คือ เสียงสะท้อนเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจจากคนไทย ณ วันนี้ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเสียงที่ไม่รู้ว่าต้นกำเนิดที่แท้จริงของเสียงเป็นใคร แต่ถึงอย่างไรเสียงสะท้อนในประเด็นต่างๆ ก็แสดงให้เห็นถึงความลำบาก รวมถึงความทุกข์ของประชาชน ซึ่งอาจจะสามารถทำลายความเชื่อมั่นของ “รัฐบาล” มามากต่อมากแล้ว...!!
ณ วันนี้ คงถึงเวลาที่ต้องยอมรับว่า “เสียงบ่นเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจ” ที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ฉะนั้นการที่รัฐบาลนำแนวทางการแก้ไขปัญหา ซึ่งประชาชนเสนอไปประยุกต์ใช้ เพื่อวางนโยบายในการขับเคลื่อนประเทศแม้อาจจะแก้ไขปัญหาไม่ได้เต็มร้อย แต่ก็น่าจะทำให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้นไม่มากก็น้อย
หากคิดจะ “สยบปัญหาเศรษฐกิจ” ในสังคมไทยคงต้องอาศัยทั้งการทำงานของรัฐบาล และการบ่นแต่พอดีของประชาชน จึงจะสยบเสียงบ่นได้...แต่อย่างไรก็ตามสำหรับการเมืองไทย ซึ่งนักการเมือง “ชอบพูด...ชอบบ่น...ชอบวิพากษ์วิจารณ์” มากกว่าลงมือทำแล้ว ก็คงเป็นไปได้ยากที่จะ “สยบเสียงบ่น” อย่าว่าแต่จะรอให้เห็นในชาตินี้เลย ชาติหน้า หรืออีกสักพันปี ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้เห็นหรือเปล่า..??
ใครรู้ว่าจะได้เห็นเมื่อไร จะสยบ “เสียงบ่นเรื่องเศรษฐกิจ” ได้...คงต้องช่วยตอบที..??!!