เหตุโจมตีและปล้นปืนจุดตรวจ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หรือชรบ.บ้านทุ่งสะเดา และชุดคุ้มครองตำบล หรือชคต.ลำพะยา ในพื้นที่ ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นับเป็นเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่สะเทือนใจคนไทยทั้งชาติ ด้วยมีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์(ข้อมูล ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน)ถึง 15 ศพ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้เขม็งเกลียวขึ้นหลังการเสียชีวิตของนายอับดุลเลาะ อีซอมูซอ ต่อเนื่องด้วยกรณีที่แกนนำพรรคฝ่ายค้านและนักวิชาการ เปิดเวทีเสวนาในหัวข้อ “พลวัตแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้สู่นับหนึ่งรัฐธรรมนูญใหม่” จนนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดีกระทำความผิดมาตรา 116 รวมถึงกรณีนายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลา ยิงตัวเองภายหลังพิพากษาคดี
อย่างไรก็ตาม เหตรุนแรงล่าสุด พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้เร่งติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บูรณาการกับ ทหาร ฝ่ายปกครอง ในการเพิ่มมาตรการในการเฝ้าระวังและการป้องกันเหตุความไม่สงบในพื้นที่โดยรอบตามเส้นทางที่ปฏิบัติหน้าที่ รวมไปถึงให้เพิ่มความเข้มงวดการตรวจตราสถานที่ต่างๆ เช่น แหล่งชุมชน สถานที่ท่องเที่ยว หรือ สถานที่สำคัญ ที่อาจเป็นเป้าหมาย เพื่อป้องกันการเกิดเหตุในลักษณะแบบนี้ ตลอดจนเพิ่มมาตรการเข้ม ทั้งจุดตรวจ จุดสกัด ในการตรวจค้นรถทุกชนิดและบุคคลเป้าหมาย ตามเส้นทางหลักและเส้นทางรอง จัดชุดลาดตระเวนในพื้นที่ย่านเศรษฐกิจ และชุมชน รวมทั้งให้ยึดมั่นในการบังคับใช้กฎหมาย ตามพยานหลักฐาน พยานบุคคล พยานแวดล้อม และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมไปถึงการควบคุมตัวผู้ก่อเหตุมา สอบสวน ซักถาม ขยายผล และดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเน้นย้ำว่า หากเกิดเหตุขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องสืบสวนสอบสวน จนสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทันท่วงที เพื่อสร้างความมั่นใจและเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ประชาชน นักท่องเที่ยวและนักลงทุนในพื้นที่
ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้กำชับให้ผู้ปฏิบัติงานทุกคนระมัดระวังให้มากที่สุด เพราะบางจุดตรวจอยู่ห่างจากพื้นที่เมืองพอสมควร จึงอาจเป็นจุดอ่อนหรือจุดที่มีความเสี่ยง จึงขอให้เพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เป็นห่วงครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งหมดรวมถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ จึงได้สั่งการให้ทางศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ดูแลเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดแล้ว
“ต้องยอมรับว่าในบางจุด บางพื้นที่ เจ้าหน้าที่มีความเสี่ยงค่อนข้างมากเนื่องจากต้องดูแลประชาชนในพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ห่างไกล จุดไหนเป็นจุดอ่อนก็พยายามจะใช้การกดดันในตรงนี้มาเพื่อให้เป็นผลต่อการเจรจาด้วย ซึ่งผมไม่ต้องการให้สื่อไปขยายความในเรื่องเหล่านี้เพราะจะเป็นผลเสียต่อการทำงานของเรา”
ขณะเดียวกันในเรื่องการแสวงหาความร่วมมือในการแก้ปัญหาไฟใต้นั้น ได้มีการหารือกับ ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เรียบร้อยแล้วในหลายเรื่อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียยินดีที่จะร่วมมือกันในหลายๆด้าน ในฐานะที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก
ทั้งนี้เมื่อย้อนกลับไปดูการหารือระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ กับดร.มหาธีร์ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในช่งงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 35นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณรัฐบาลมาเลเซียที่ได้เชิญหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขในจังหวัดชายแดนใต้ไปพบปะหารือ และสนับสนุนความพยายามของไทยในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้โดยสันติวิธี ซึ่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้กล่าวย้ำถึงการสนับสนุนการแก้ปัญหาของไทยและเห็นพ้องว่าแบ่งแยกดินแดนจะต้องไม่เกิดขึ้นหรือแบ่งแยกได้ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องเร่งเสริมสร้างความเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานชายแดน
เราขอประณามผู้ก่อเหตุและขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต ทั้งยังคาดหวังว่าไม่ควรมีฝ่ายใดฉวยโอกาสจากเหตุรุนแรงดังกล่าว นำไปสู่การแบ่งแยกดินแดน