รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
ณ วันนี้ คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า กระแสการเมืองไทย กลับมาร้อนแรง และมีแข่งขันกันอย่างดุเดือดอีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นำลูกพรรคอนาคตใหม่ ร่วมมือโพสต์ข้อความสั้นๆ ว่า "อยู่ไม่เป็น 16 พ.ย. 2562 และ "ติดแฮชแท็ก" #อยู่ไม่เป็น" จนทำให้แฮชแท็กดังกล่าวได้ขึ้นเทรนด์ อันดับ 1 ในทวิตเตอร์นั้น โดยจากการสอบถามไปยังแหล่งข่าวในพรรคอนาคตใหม่ ได้รับคำตอบว่าจะเปิดเผยรายละเอียดแคมเปญดังกล่าวทั้งหมดในวันเสาร์ที่ 16 พ.ย. 2562
ไม่ว่าแคมเปญดังกล่าวจะเป็นอย่างไร? แต่การปลุกกระแสการเมืองที่เกิดขึ้นนั้น ย่อมเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการเปิดฉากของการต่อสู้ทางการเมือง ตลอดจนแสดงให้เห็นถึงกระแสความนิยมที่ของพรรคอนาคตใหม่สายตาประชาชนคนรุ่นใหม่เป็นรูปธรรมก็คงไม่ผิดนัก
อย่างไรก็ตามหากจะพูดถึงคะแนนนิยมทางการเมืองแล้ว “ดัชนีการเมืองไทย” เดือนตุลาคม 2562 ถือเป็นภาพสะท้อนที่แสดงให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมของ “คะแนนนิยมทางการเมืองของรัฐบาล ประยุทธ์ 2” การสำรวจความคิดเห็น “ดัชนีการเมืองไทย เดือนตุลาคม 2562” โดยสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัย สำรวจความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศ 2,528 คน (จำแนกเป็น กรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 576 คน 22.78% ภาคกลาง 515 คน 20.37% ภาคเหนือ 397 คน 15.70% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 679 คน 26.86% และภาคใต้ 361 คน 14.29%) ระหว่างวันที่ 23-31 ตุลาคม 2562 สรุปผลได้ ดังนี้
ประชาชนให้คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยเดือนตุลาคม ที่ระดับคะแนน 4.09 ซึ่งมีคะแนนลดลงกว่า ดัชนีเดือนกันยายน ที่มีระดับคะแนน 4.12 และดัชนีเดือนสิงหาคม ที่มีระดับคะแนน 4.51 เมื่อพิจารณาจากผลดัชนีแล้ว เรียกได้ว่า “สอบตก” ต่อเนื่อง 3 เดือนติดแบบเห็นเห็น..!! ซึ่งก็ไม่อยากให้มองในเชิงลบ แต่อยากให้มองใช่เชิงของโอกาสในการพัฒนา โดยเฉพาะหากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน จะพบว่ามี 9 ดัชนีที่มีคะแนน “ดีขึ้น” กว่าเดือนที่ผ่าน ได้แก่
จริยธรรม /วัฒนธรรมของคนในชาติ 4.97 คะแนน การจัดการศึกษาสำหรับประชาชน 4.64 คะแนน การดำเนินงานของพรรคการเมือง โดยภาพรวม 4.57 คะแนน ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 4.43 คะแนน การพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า 4.32 คะแนน สภาพของสังคมโดยรวม 4.24 คะแนน การปฏิบัติตนของนักการเมือง /ความสามัคคีของนักการเมือง 3.83 คะแนน ค่าครองชีพ /เงินเดือน /ค่าจ้าง /สวัสดิการ 3.67 คะแนน และราคาสินค้า 3.48 คะแนน
ขณะที่อีก 16 ดัชนีทีคะแนน “แย่ลง”กว่าเดือนที่ผ่าน ได้แก่ การปฏิบัติงานของฝ่ายค้าน 5.67 คะแนน ข่าวสารที่เผยแพร่จากสื่อต่างๆให้ประชาชนได้รับรู้ 5.00 คะแนน ความสามัคคีของคนในชาติ 4.77คะแนน ความมั่นคงของประเทศ /การก่อการร้าย 4.36 คะแนน การแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพล 4.05 คะแนน การมีส่วนร่วมของประชาชนและองค์กรอิสระ 3.97 คะแนน ผลงานของนายกรัฐมนตรี 3.83 คะแนน
ผลงานของรัฐบาล 3.79 คะแนน การแก้ปัญหาต่างๆของรัฐบาลในภาพรวม 3.73 คะแนน ความเป็นอยู่ของประชาชน 3.72 คะแนน การบริหารประเทศตามนโยบายที่ประกาศไว้ 3.69 คะแนน การแก้ปัญหายาเสพติด 3.58 คะแนน สภาพเศรษฐกิจโดยภาพรวม 3.54 คะแนน การแก้ปัญหา คอร์รัปชั่น 3.48 คะแนน การแก้ปัญหาการว่างงาน 3.44 คะแนน และ การแก้ปัญหาความยากจน 3.12 คะแนน
ผลดัชนีการเมืองที่ปรากฏนั้น หากมองในเชิงลบ อาจเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงการขับเคลื่อนประเทศที่ “ไม่โดนใจ” ประชาชน จนทำให้คะแนนดัชนีการเมืองลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่หากมองใช้มิติการของการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยพิจารณาจาก ข้อเสนอแนะทางด้านการเมือง ณ วันนี้ จะพบแนวทางที่ทำให้สถานการณ์การเมืองดีขึ้นในสายตาประชาชน โดยสิ่งที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลทำให้มากที่สุด ร้อยละ 32.28 คือ มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
รองลงมา ได้แก่ เร่งแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ร้อยละ 23.90 ปฏิรูปการเมืองให้มั่นคง มีเสถียรภาพ ร้อยละ20.22 อยากให้ทุกกระทรวง ทุกฝ่ายทำงานอย่างเต็มที่ ร้อยละ 19.20 และนักการเมืองสามัคคีกัน ร่วมมือร่วมใจทำงาน ร้อยละ15.02
ที่กล่าวไปทั้งหมดนี้ คือ ดัชนีการเมืองเดือนตุลาคม และข้อเสนอแนะทางด้านการเมือง ซึ่งเป็นสะท้อนสถานการร์ทางการเมือง และแนวทางการแก้ไขสถานการณ์ทางการเมืองในทัศนะปะชาชน ผลของดัชนีการเมืองไทย อาจจะไม่ตรงใจ ไม่ถูกใจ หรืออาจจะไม่ใช่ดัชนีชี้วัดที่ดีที่สุดในสายตาของใครหลายคน แต่ก็เป็นการสะท้อนภาพความเป็นจริงของการเมืองไทยในทัศนะของประชาชนให้ ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองได้รับรู้ว่า “ประชาชน” เห็นว่าสิ่งใดดี สิ่งใดไม่ดี สิ่งใดควรธำรงไว้ สิ่งใดควรเร่งแก้ไข และเพื่อใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการประเทศต่อไป
สุดท้ายอย่างน้อยคงได้แต่หวังว่า ผลคะแนนดัชนีการเมืองที่ลดลง 3 เดือนต่อเนื่อง น่าจะเป็นการกระตุ้นเตือนให้ “รัฐบาลประยุทธ์” ตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่บริหารประเทศอย่างเต็มความรู้ความสามารถ...หากคิดว่าในขณะนี้ทำงาน 100% แล้ว ก็ต้องยอมรับว่ายังไม่พอ เพราะสถานการณ์การเมือง ณ วันนี้ จำเป็นต้องทุ่มเทเกิน 100% เท่านั้น ถึงจะแก้ปัญหาประเทศ จนทำงานได้ “โดนใจ” ประชาชนได้...
เห็นแล้วก็เหนื่อยแทนรัฐบาล แต่ถ้าจะ “อยู่ให้เป็น” ทางการเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล..ฝ่ายค้าน ก็ต้องทั้งทำงานหนัก...ทำงานโดนใจประชาชน!!...ไม่เช่นนั้นคง “อยู่รอดให้ยั่งยืนได้ยากจริงจริง” !!