ยังคงใช้ความเพียร พยายามอย่างเต็มที่ สำหรับ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส” ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะ ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ทำหนังสือเรียก “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าชี้แจงกรณีเสนอร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ทั้งที่คณะรัฐมนตรี (ครม.)เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ไม่เพียงแค่ พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้นที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ ต้องการให้มาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯที่สภาฯ แต่ในวาระเดียวกัน ยังได้เชิญไปยัง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี อีกด้วย งานนี้ หาก เกิดภาพที่ทั้ง “บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่” มาชี้แจงต่อ คณะกรรมาธิการฯที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ นั่งอยู่หัวโต๊ะ ย่อมจะถูกนำไปตีความและกล่าวอ้างได้ว่า ภารกิจเบื้องต้น ของหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นั้นลุล่วงไปแล้วในเบื้องแรก ! แม้บิ๊กตู่ จะไม่ตอบคำถามจากผู้สื่อข่าว เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ว่าในวันนี้ 30 ต.ค.จะเดินทางไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ หรือไม่ก็ตาม แต่น่าสนใจว่า “ดิสทัต โหตระกิตย์” เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือชี้แจงกลับไปยัง คณะกรรมาธิการฯ หรือหากจะพูดให้ชัด ก็น่าจะหมายถึงการพุ่งหอกกลับไปยังพล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ ว่าใช้อำนาจอะไรที่จะเรียกนายกรัฐมนตรี ไปชี้แจง “ 1.การเสนอร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ 2563 เกี่ยวข้องกับการทุจริตประพฤติมิชอบอันอยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบสภาผู้แทนราษฎรอย่างไร 2.ประเด็นที่อ้างว่าครม. ยังไม่สามารถเข้ารับหน้าที่ได้เนื่องจากเห็นว่าการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ไม่ถูกต้องครบถ้วน ข้อเท็จจริงปรากฏว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งเมื่อวันที่ 11 ก.ย.62 ไม่รับคำร้องของนายภาณุพงศ์ ชูรักษ์ ซึ่งเสนอโดยผู้ตรวจการแผ่นดินไว้พิจารณาวินิจฉัย ทั้งนี้ โดยมีเหตุผลสรุปได้ว่าการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์เป็นการกระทำทางการเมืองของครม.ในฐานะที่เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญฝ่ายบริหารในความสัมพันธ์เฉพาะกับพระมหากษัตริย์ และการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ดังกล่าวไม่อยู่ในอำนาจการตรวจสอบขององค์กรตามรัฐธรรมนูญใด” นอกจากนี้ในหนังสือที่ส่งกลับไปยังระบุด้วยว่า ก่อนหน้าที่สภาผู้แทนฯเองก็เพิ่งพิจารณาอนุมัติให้ผ่าน พ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลฯ ไปด้วยเสียงข้างมาก รวมทั้งที่ประชุมสภาฯยังได้เห็นชอบ ร่างพ.ร.บ.เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 พ.ศ.และร่างพ.ร.บ.เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. โดยที่ไม่มีการทักท้วงการทำหน้าที่ของครม.แต่อย่างใด แต่กลับมามีปัญหาเมื่อมีการพิจารณาและผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ2563 ไปเรียบร้อยแล้ว และในประเด็นร้อนๆเรื่องเดียวกัน ยังมีเสียงปรามดังออกมาจาก “ชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า “ฝ่ายที่เชิญ” ต้องมีวุฒิภาวะ ต้องให้เกียรติ “ผู้รับเชิญ” เพราะไม่ได้เป็นลูกน้อง ไม่ใช่เชิญมาข่มขู่คุกคาม ต้องเชิญมาตามเงื่อนไขของกฎหมาย ความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่กำลังกลายเป็น “ภาคต่อ” ของการห้ำหั่นกันระหว่าง ฝ่ายค้านกับรัฐบาล กำลังยืดเยื้อมายัง “ทุกกลไก” ที่ต่างฝ่าย ต่างมีอยู่ในมือ ขณะเดียวกัน ในเชิงของการบริหารจัดการกับ “นโยบาย” ไปจนถึงการรับมือกับ “ปัญหาใหญ่” นั่นคือการที่สหรัฐฯตัดสิทธิ์ GSP ของไทยซึ่งเรื่องนี้ คือภารกิจสำคัญที่ทั้งพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ต่างรู้ดีว่ารัฐบาลต้องเร่งเดินหน้าไปกับการเร่งแก้ไข เรื่องไหน เรื่องใดที่จะต้องออกแรงเพื่อ ฟันฝ่า โดยมี “ครม.” เป็นเดิมพัน !